Sunday, November 03, 2013

ม็อบนิรโทษกรรม

3 พฤศจิกายน 2556
สามวันมานี้มีม็อบนิรโทษกรรมที่เข้มข้นมาก มีเวทีพันธมิตรที่สวนลุม มีเวทีที่อุรุพงษ์ และมีเวทีของประชาธิปัตย์ที่สามเสน ล่าสุดคืนนี้ เห็นเวทีสวนลุมเคลื่อนพลโดยการนำของพลตรีจำลอง ศรีเมืองได้ไปร่วมกับเวทีอุรุพงษ์เรียบร้อยแล้ว เวทีสามเสนยังคงมีอยู่ ถ่ายทอดสดทางช่อง Bluesky และมีจอเล็กถ่ายทอดเวทีอุรุพงษ์ด้วย

ส่วนตัวเปลี่ยน profile เป็นรูปการคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมตั้งแต่เมื่อวานและเข้าไปลงชื่อในแคมเปญต่อต้านนิรโทษกรรม น่ายินดีที่พบว่าคนตื่นตัวกันมาก เพื่อนๆในเฟสบุ๊คเปลี่ยน profile และไปลงชื่อกันมาก ดูมีการเข้าร่วมกว่างานอื่นๆ

4 พฤศจิกายน 2556
วันนี้ตอนบ่ายเจออ.เลิศชายกับทรงวุฒิคุยกันเรื่องนี้ ก็นัดแนะกันร่วมกับองค์การนักศึกษา ชุมนุมกันที่ลานเพลินตาตอนห้าโมงเย็น ปราศัยกันจนราวๆหนึ่งทุ่มเคลื่อนย้ายกันจำนวนสองรถบัสไปร่วมกับเวทีในเมืองที่ศาลากลาง นักศึกษาได้ขึ้นพูดด้วย  บรรยากาศคึกคักมา






5 พฤศจิกายน 2556
วันนี้จุฬานัดชุมนุมที่สนามหน้าหอประชุมแล้วเดินขบวนไปที่หน้ามาบุญครอง ปักหลักที่หอศิลป์ กรุงเทพ คนมากันเยอะมาก  เพื่อนๆไปกันหลายคน เห็นแล้วอิจฉา ถ้าอยู่กรุงเทพจะไปด้วยแน่นอน




6 พ.ย. 2556
ที่ท่าศาลา นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์รวมตัวกันไปร่วมเวทีกับประชาชนท่าศาลาคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมที่สนามหน้าอำเภอท่าศาลา มีการจัดขบวนรถเดินทางตอนบ่ายสามโมงครึ่ง และเปิดเวทีอภิปรายบนรถ  เจตนารมณ์ชัดเจนค่ะ





=========================================================
มาขยายคำว่าสุดซอยจากคำอธิบายของคุณกรณ์ จาติกวนิช ค่ะ

"คำว่า 'สุดซอย' ก็คือการช่วยคุณทักษิณให้พ้นผิดในทุกกรณี ทั้งๆที่ความผิดของเขาไม่ได้้เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นความผิดที่มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น 

ผมขอยืมคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ที่เรียกร่างสุดท้ายของกฎหมายนี้ว่าไม่ได้เพียงไปสุดซอย แต่ทะลุซอยออกถนนใหญ่เลยครับ สาเหตุเพราะกฎหมายเขียนว่า ทุกคดีที่คตส.ชี้ว่าผิด ให้ถือว่าพ้นผิดทันที ซึ่งหมายรวมถึงอีกหลากหลายคดีนอกเหนือจากการโกงที่ดินถนนรัชดาฯ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาจำคุกคุณทักษิณไปแล้ว และทุกคดีล้วนแล้วแต่เป็นคดี 'โกงระดับชาติ' ทั้งสิ้น อย่างเช่น


๑. คดีร่ำรวยผิดปกติ ทำให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่องศาลฎีกา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เนื่องจากไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯไว้ ถึง 6 ครั้ง ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๒. คดีทุจริตปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๓. คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปฯ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยเพียงคนเดียว และศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๔. คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มีนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา (ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมคุณวัฒนาจึงมีบทบาทอย่างมากในความพยายาม 'ปรองดอง')

๕.คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดามหานคร ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณกับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา...

...และจะมีผลแม้แต่ในคดีที่เพิ่งมีคำพิพากษาไปคือเรื่องการโกงกรณีรถดับเพลิงกทม. 6,800 ล้านบาท เพราะเป็นคดีที่คตส.ได้เป็นผู้ชี้ผิดแต่แรกด้วย!!

พูดง่ายๆก็คือถ้ามองว่าคตส. ลำเอียง ก็อย่างน้อยควรให้มีการพิจารณาคดีใหม่ แต่ไม่ครับ นี่ให้ถือว่า 'พ้นผิด' ในทุกกรณีไปเลย!!

และที่ทะลุซอยก็คือ ร่างกฎหมายฉบับนี้เขียนว่าในกรณีคดีของเสื้อแดงที่มาชุมนุมนั้น 'การนิรโทษกรรมไม่ก่อให้เกิดสิทธิ' ซึ่งหมายความว่าจะไปฟ้องร้องทวงสิทธิจากการถูกจำคุก ฯลฯ ไม่ได้

แต่กฎหมายกลับเขียนให้การนิรโทษกรรมในกรณีทุจริตจะมีสิทธิที่ทวงได้!

ตรงนี้สะท้อนความโลภของทักษิณจริงๆ เพราะไม่ใช่เพียงต้องการให้พ้นผิด แต่ต้องการเงิน 46,000 ล้านที่ถูกยึดจากการทุจริตแผ่นดินคืนอีกต่างหาก

และสะท้อนความเห็นแก่ตัวที่ไม่ให้สิทธิชาวเสื้อแดงที่ออกมาเสี่ยงตายเพื่อตน แต่กลับสงวนสิทธิไว้ให้กับตัวเอง

แต่ที่จะมีผลกับพวกเราโดยตรงทุกคนคือ 46,000 ล้านที่ต้องคืนนั้น เป็นการคืนด้วยเงินพวกเรานะครับ วิธีคือการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเอาเงินภาษีเราคืนให้แก่คนที่ศาลพิพากษาไปแล้วว่าโกงแผ่นดิน

และที่แย่กว่านั้นก็คือต้องบวกดอกเบี้ยให้เขาด้วย ในอัตราศาลแพ่งที่ 7.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติที่ประชาชนธรรมดาได้ในการฝากเงิน รวมแล้วค่าดอกเบี้ยถ้านับจากวันที่ถูกยึดก็ประมาณ 14,000 ล้าน

รวมแล้วเตรียมจ่ายภาษีให้กับคุณทักษิณได้เลยครับ รวม 60,000,000,000 บาท ก็คือคนไทยทุกคนเฉลี่ยประมาณคนละ 1,000 บาท ไม่ว่าคุณจะเป็นเสื้อแดง เหลือง ฟ้า ยากจนหรือรํ่ารวยแค่ไหนก็ตาม

และจารึกไว้ว่าเราจะเป็นประเทศแรกในโลกประชาธิปไตยที่มีการออกกฎหมายยกผิดในคดีทุจริต เพียงเพราะคนโกงมีเสียงข้างมากในสภาฯ

ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเราคิด 'เลยตามเลย' กับเรื่องนี้ ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอสุดขีดของสังคมไทย เราจะรอพึ่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่ากฎหมายนี้ขัดต่อหลักนิติธรรมหรือไม่ก็ได้ แต่เราต้องแสดงออกในฐานะเจ้าของประเทศว่าเรายอมรับไม่ได้ที่จะมีคนทำตัวเหนือกฎหมายอย่างนี้ ถ้าทุกคนเงียบ ลูกหลานเราจะต้องอยู่ในประเทศแบบไหน คิดให้ดีครับ ถ้าเรื่องนี้ปล่อยให้เขาทำได้ ผมว่าก็เท่ากับเราพร้อมยอมเขาในทุกเรื่อง"

ข้อมูลจากลิงก์ที่แนบมานี้ค่ะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151975302504740&set=a.113478794739.118233.71254499739&type=1&theater

No comments: