Friday, August 26, 2011

สาส์นสมเด็จ

สาส์นสมเด็จเป็นหนังสือที่ได้ยินชื่อมานาน บางทีเปิดหนังสือบางเล่มก็อ้างถึงเรื่องนี้ จนในที่สุดได้หนังสือเล่มนี้มาเก็บไว้ ได้อ่านหลายรอบ รู้สึกว่าได้ประโยชน์ในเชิงความรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิธีคิดของปราชญ์ยุคนั้น กรมพระยาดำรงฯ และกรมพระยานริศฯ เป็นแบบอย่างของปราชญ์ที่อยากตามรอยตลอดมา


บันทึกความรู้

ตอนที่ได้หนังสือชุดนี้ จำได้ว่าไปเดินที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เดินดูแผงหนังสือเก่า จับๆหนังสือชุดนี้ คนขายก็มาบอกว่าหนังสือชุดนี้ดี ราคาที่ขายก็ถูกมาก ซื้อได้ในราคาเล่มละ 250 บาท สองเล่มก็ห้าร้อยบาท หลังจากซื้อได้เอามาอ่านหลายครั้ง เป็นหนังสือดีที่ดีใจที่ได้ซื้อเก็บไว้

หนังสือชุดนี้มีสองเล่ม เป็นบันทึกจดหมายถามตอบในเรื่องราวน่ารู้มากมาย โดยผู้รู้ที่ตอบจดหมายให้คือกรมพระยานราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้รับบันทึกตอบคือพระยาอนุมานราชธน

มีความรู้หลากหลายในหนังสือเล่มนี้ แนวการเขียนถามตอบให้นึกถึงหนังสือสาส์นสมเด็จ

แรงบันดาลใจจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

เที่ยวเมืองพม่า
นิราศนครวัด
ความทรงจำ
สาส์นสมเด็จ
นิทานโบราณคดี

อยากบันทึกไว้ว่ากรมพระยาดำรงฯเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ ความคิดที่ยึดถือเรื่องความยุติธรรมถูกต้อง และอาจรวมไปถึงความคิดที่เรียกว่านิยมเจ้าของฉัน

สิ่งแรกที่นับถือคือการให้ความรู้อย่างละเอียดในเรื่องต่างๆทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์ ความรู้เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งไทยและเทศ หนังสือหลายต่อหลายเล่้มที่ได้อ่านได้สร้างฐานความรู้ที่มั่นคงให้ฉัน ไม่ว่าจะเคยได้ยินผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อมูลและแนวความคิดของท่านบ้าง ฉันคิดว่าความรู้และข้อเท็จจริงที่ท่านบันทึกเป็นแหล่งปฐมภูมิและยากที่จะมีใครที่ใกล้ชิดข้อมูลขนาดนั้นมาเล่าให้คนทั่วไปได้รับทราบ


หนังสือชุดทางรัก สายสัมพันธ์ของโรสลาเรน




หนังสือชุดนี้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อยากเดินทางไปเที่ยวเยอรมัน อยากเขียนจดหมายถึงแม่ ทำให้ชีวิตหลังเรียนจบมีสีสันด้วยการทำตามฝันเหมือนในหนังสือ ถึงแม้จะใช้เวลานานกว่าจะได้พาแม่ไปเยอรมันได้อย่างที่ฝัน แต่ในที่สุดก็ได้ทำตามความฝัน ส่วนการเขียนจดหมายหาแม่กลายเป็นนิสัยที่จะเขียนโปสการ์ดหาแม่ทุกวันที่เดินทางไปต่างประเทศ

พล็อตเรื่องง่ายๆคือนางเอกชื่อศุลีพร ไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนอยู่ที่เยอรมัน พี่ชายมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อคุณนอง(ชยานนท์) นางเอกก็ได้อาศัยพระเอกพาเที่ยวยุโรป โดยในภาคแรก(ทางรัก)เป็นการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์กันสามคนรวมพี่นางเอกด้วย ในภาคหลัง(สายสัมพันธ์) นางเอกได้ข่าวว่าพระเอกมีอุบัติเหตุ ก็ไปหาที่เยอรมัน พระเอกไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็เลยได้พาเที่ยวกันอีกรอบ

เรื่องนี้เขียนโดยให้นางเอกเป็นผู้เขียนจดหมายหาแม่ เล่าเรื่องการท่องเที่ยวให้ฟัง รวมถึงเรื่องน่ารักๆที่เกิดขึ้นด้วย แต่คุณโรสลาเรนก็ทำให้จดหมายนั้นน่าติดตามด้วยเรื่องโรแมนติกของคุณนองกับศุลี  ทำให้น่าสนใจโดยการแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยลงไป บทกลอน หรือ คำดีๆหลายบทในหนังสือเล่มนี้เมื่อได้มาอ่านพบในหนังสืออื่นๆก็ทำให้จดจำได้และรู้สึกดี ที่ดีมากๆคือเหมือนอ่านสารคดีท่องเที่ยวเลยทีเดียว แต่เป็นฉบับโรแมนติก

ได้อ่านหนังสือชุดนี้ประมาณช่วง ม.ต้น และทำให้ตั้งใจไว้ว่าโตขึ้นจะไปเยอรมัน ไปสัญญากับแม่ไว้ด้วยว่าจะพาแม่ไปเที่ยว ได้ทำตามความฝันในการพาแม่ไปทัวร์ยุโรปเมื่อปี 1995  ส่วนทริปโรแมนติกในยุโรปที่ขับรถเที่ยวกับคุณนองในเมืองน่ารักๆนั้น ได้มาทำตามฝันกันในปี 2000 ,2013 และ 2016 คุณนองตัวจริงน่ารักไม่แพ้ในหนังสือค่ะ














หนังสือชุดนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีจริงๆนะคะ  :)  สำหรับหญิงสาวที่ชอบความโรแมนติกแบบไม่เลี่ยน แนะนำให้อ่านค่ะ

มีรูปคุณนองมาให้ดูด้วยค่ะ  คุณนองคนนี้ไม่ใช่คนตัวยักษ์ เคราเฟิ้มแบบในเรื่อง แต่เป็นคุณนองเวอร์ชั่นตัวสูง...มาก  ตัวขาวแต่ไม่มีหนวดเครา สุภาพ น่ารัก และไม่บ่นไม่ว่าเวลาขับรถพาเที่ยว  คุณน๊อง คณนองนะคะ

บ้านเล็กในป่าใหญ่



หนังสือชุดนี้เป็นหนังสือแนวครอบครัวที่ได้อ่านตั้งแต่เด็กๆ เข้าใจว่าได้อ่านตอนอายุ 11-12 ขวบ โดยอ่านจากห้องสมุดโรงเรียนตอนเข้าเรียนมัธยมต้น เป็นหนังสือชุดที่อ่านได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อ

จนถึงวันเกิดอายุครบ 24 ปี พี่สาวคนรองซื้้อหนังสือชุดนี้เป็นฉบับปกแข็งให้ทั้งชุด น่าเสียดายที่หายไปบ้างเพราะเป็นหนังสือที่ชอบ ก็จะให้คนอื่นยืมไปอ่านด้วย แล้วก็หายไป

ตั้งแต่อ่านหนังสือมาก็อยากอ่านฉบับภาษาอังกฤษมาโดยตลอดเพราะอยากรู้ว่าศัพท์จริงๆที่เขาใช้ในเรื่องคือคำว่าอะไร จนเมื่อไปเรียนหนังสือที่ออสเตรเลีย ก็ได้อ่านทั้งชุดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็เกิดกิเลสอยากได้ จนในที่สุดก็สั่งซื้อออนไลน์มาเก็บไว้ทั้งชุด

จำได้ว่าได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นบันทึกการเดินทางของเด็กหญิงคนหนึ่งไปตามรอยลอร่า ในหนังสือมีรูปถ่าย ทำให้มองภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าที่ลอร่าเล่านั้นเป็นอย่างไร เช่นลอร่าพูดถึงการเดินทางด้วยเกวียน เราจะนึกภาพเกวียนแบบฝรั่งไม่ออกเลย ตอนนั้นก็นึกถึงเกวียนแบบไทยๆ ยังคิดว่าจะไปพอได้ยังไง เกวียนเล็กนิดเดียว   อยากไปตามรอยลอร่าแบบนั้นจังเลย

และเมื่อเห็นเขาทำหนังสือชุดบ้านเล็กทั้งชุดภาษาไทยเป็นปกอ่อนก็อดไม่ได้ที่จะซื้อไว้อีกทั้งชุดเช่นกัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนโดย Laura Ingall Wilder เขียนเป็นเรื่องเล่าถึงครอบครัวของลอร่า โดยเริ่มตอนที่ลอร่าอายุ 11 ขวบ อาศัยอยู่ในป่าใหญ่ที่รัฐวิสคอนซิน มีพ่อ แม่ พี่แมรี่พี่สาว และมีน้องสาวอีกคนชื่อแครี่ ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในกระท่อม มีญาติอยู่ใกล้ๆเป็นครอบครัว แต่หลังจากนั้น พ่อก็พาออกเดินทางเพื่อบุกเบิกและจับจองที่ดิน ก็ได้เดินทางไปที่ต่างๆ จนในที่สุดไปตั้งรกรากที่ เดอะสเม็ตที่ South Dakota     จนลอร่าโต เรียนจบ เป็นครูและแต่งงานในที่สุด

การเขียนเล่าเรื่องราว ลอร่าทำได้น่าอ่านมาก อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักความอบอุ่นในครอบครัว

ชีวิตหลังจากช่วงที่ลอร่าแต่งงาน ยังคงมีต่อในเรื่อง สี่ปีแรกและตามทางสู่เหย้า แต่อาจแล้วรู้้สึกเศร้าๆ ไม่น่าสนุกเหมือนหนังสือในชุด

อีกเล่มหนึ่งก็คือเรื่องตอนที่ลอร่าไปเยี่ยมลูกสาวที่ซานฟรานซิสโก ชื่อเรื่อง จดหมายจากลอร่า ทำให้รู้เรื่องต่างๆในซานฟรานมากขึ้นเยอะทีเดียว  :)

ทั้งหมดในชุดที่ซื้อมาตอนหลัง 12 เล่ม มีชื่อเรื่องตามนี้ค่ะ

บ้านเล็กในป่าใหญ่
บ้านเล็กในทุ่งกว้าง
เด็กชายชาวนา
บ้านเล็กริมห้วย
ริมทะเลสาบสีเงิน
ฤดูหนาวอันแสนนาน     
เมืองเล็กในทุ่งกว้าง
ปีทองอันแสนสุข
สี่ปีแรก
ตามทางสู่เหย้า
ชีวิตต้องสู้:ลอร่า อิงกัลล์สไวเดอร์
จดหมายจากลอร่า (West from Home)

http://en.wikipedia.org/wiki/Laura_Ingalls_Wilder

หนังสือชุดปริศนา ของ ว ณ ประมวญมารค

หนังสือชุดนี้มี 3 เรื่อง เรื่องแรกคือ ปริศนา เรื่องที่สองคือเจ้าสาวของอานนท์ และเรื่องที่สามคือ รัตนาวดี โดยตัวละครในสามเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ต่อเนื่องกัน

ผู้แต่งหนังสือชุดนี้คือ ว ณ ประมวญมารค หรือ หม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต พระธิดาของ น.ม.ส. และเป็นชายาของหม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต

อ่านเล่มแรกคือปริศนา ตอนอ่านก็ยังเด็กมาก อยู่ช่วงประมาณ ม.ต้น เพราะฉะนั้นการที่นางเอกเป็นหญิงสาวสวย มาจากอเมริกา มาพบรักกับท่านชายที่แสนจะเพอร์เฟ็ค เป็นพล็อตเรื่องที่ชวนฝันจริงๆ แต่สิ่งที่ได้จากปริศนาคือการมองสภาพชีวิตคนในยุคนั้นซึ่งมีอะไรดีๆมาก เช่นการวางตัว ชีวิตความเป็นอยู่ มุมมอง ฯลฯ  รวมทั้งอ่านสนุกเป็นอย่างมาก

เจ้าสาวของอานนท์ เป็นภาคต่อจากปริศนา โดยจับตัวละครตัวหนึ่งคืออานนท์ซึ่งเป็นเพื่อนชายของปริศนาให้มาพบรักกับ สุ ซึ่งเป็นญาติกับปริศนา แต่ไม่รู้จักกันจนมาเฉลยเอาตอนจบ เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า อ้อ พระเอกรุ่นโน้น เขาก็ทำงานกันเหมือนกัน พระเอกเป็นวิศวกรไปซ่อมเครื่องที่สวนของนางเอก ซึ่งมีกิจการสวนใหญ่โต เนื้อเรื่องก็ปะติดปะต่อจนรู้ว่านางเอกกับปริศนาเป็นญาติกัน โดยมีเบื้องหลังในครอบครัวของลุงของปริศนาเป็นเหตุ  จบแบบมีความสุขตามสไตล์ของท่าน ว ณ ประมวญมารค เช่นเคย

ส่วน รัตนาวดีเป็นหนังสือเล่มที่สามในชุด เป็นเรื่องของท่านหญิงรัตนาวดีไปเที่ยวยุโรป มีป้าแนบตามไปดูแล แล้วไปพบรักกับท่านชายดนัยวัฒนา โดยท่านชายปลอมตัวเป็นคนขับรถมาขับรถพาเที่ยว ที่ต้องปลอมตัวเพราะทีแรกท่านหญิงไปหาท่านชายแต่ไม่เจอ แล้วเมื่อไปหาเจอพระเอกแต่เข้าใจว่าพระเอกเป็นคนรับใช้ของท่านชาย พระเอกก็เลยสวมรอย เนื้อเรื่องก็เป็นการท่องเที่ยวในมุมมองของท่านหญิง ผสมกับความโรแมนติก

เรื่องนี้มีความคล้ายกับเรื่องทางรัก - สายสัมพันธ์ของโรสลาเรนมาก ทั้งพล็อต ฉาก กลวิธีการเขียน จนเกือบคิดว่าคุณโรสลาเรนอาจได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากหนังสือเล่มนี้ด้วยซ้ำ

ส่วนตัวมีเรื่องรัตนาวดีเป็นแรงบันดาลใจให้อยากท่องเที่ยวยุโรปค่ะ รวมถึงนิสัยการเขียนโปสการ์ดกลับบ้านก็ได้จากเรื่องนี้และทางรัก


สามก๊ก

To be reviewed

ได้ยินเขาพูดว่า "ใครอ่านสามก๊กครบสามจบคบไม่ได้" ถ้านับจริงๆคิดว่าตัวเองอ่านครบสามจบ แต่เป็นการอ่านของเด็กสิบขวบ ภึงจะอ่านซ้ำซากไปมาหลายรอบ เมื่อจับมาอ่านอีกครั้งตอนอายุมากๆก็จะพบว่ามุมมองในการอ่านเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ความเข้าใจในสถานการณ์ก็ต่างกัน

บางประโยคในเรื่องก็ยังจดจำได้ ถึงเวลาจะผ่านมาหลายปี  เช่น "อันตัวท่านนี้หรือชื่อลกเจ๊ก เมื่อเด็กๆเคยลักส้มเขาเอาไปให้มารดา นั่งลงนี่เถิดเราจะเจรจาด้วย" ตอนนั้นอ่านด้วยความรู้สึกว่าขงเบ้งเก่งจัง รู้เรื่องของลกเจ๊กด้วย แต่มาอ่านตอนโตรู้สึกว่า น่ากลัวเกินไปแล้ว กับการหาข้อมูลของคนที่เราติดต่อด้วย

ในหนังสือเล่มที่อ่านเป็นฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) สองเล่มจบ หนักมากๆ มีสิ่งที่คาใจมาตลอดคือชื่อเมือง เพราะเมื่อโตขึ้นติดหนังสือกำลังภายใน เขาก็พูดชื่อเมือง แต่เมื่อเราไปเมืองจีนจริงๆ เวลาค้นหาชื่อเมืองต้องอิงภาษาอังกฤษและจีนกลาง เทียบชื่อเมืองปัจจุบันไม่ถูกเลย ดีที่เดี๋ยวนี้มีชุมชนคนอ่านสามก๊กที่เขาทำแผนที่ไว้ พอจะไปหาอ่านเพิ่มเติมได้

สามก๊กเริ่มต้นเรื่องปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น

พุทธธรรม

To be reviewed

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ซื้อให้คุณแม่ในโอกาสครบรอบวันเกิด 68 ปี (ถ้าแม่อยู่ปีนี้จะอายุ 85 ปีค่ะ) ตั้งแต่ซื้อมาก็พยายามอ่าน แต่ไม่เคยอ่านได้จบ

จะพยายามอ่านให้จบในปีนี้และรีวิวไว้ค่ะ

ตุลาคม 2556
สองปีหลังจากโพสต์แรก มาบันทึกว่ายังอ่านไม่จบค่ะ

โอ้ การหาความรู้ใส่ตัวเป็นเรื่องยากจริงหนอ ทั้งๆที่รู้ว่าดี กลับไม่มีโอกาสได้ศึกษา บารมีมีไม่พอจริงๆ

Friday, August 19, 2011

เที่ยวฝั่งธน...



ได้ไปสัมมนา การเตรียมความพร้อมของอุดมศึกษาไทยกับการปรับตัวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน วันที่18-19 สิงหาคม 2554 หอประชุมกองทัพเรือ ทีแรกก็งงๆไม่รู้จะไปยังไง ไม่รู้จักแถวนั้นเอาเลย ทั้งๆที่อยู่ฝั่งตรงข้ามท่าราชวรดิษฐ์แค่นี้เอง

ก็เลยเลือกที่จะพักโรงแรมเพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเดินทางจากบ้านจะนานแค่ไหน อยู่โรงแรมใกล้ๆอย่างน้อยๆก็เดินทางใกล้กว่าและมีอาหารเช้าให้กินด้วย เลือกพักที่ รีสอร์ทบางพลัด เพราะเคยมาเมื่อสองปีก่อน ยังประทับใจมาก ตอนโทรมาจอง ตกใจ เพราะเขามีราคาโปรโมชั่น ลงไปเหลือแค่ 700 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า ทั้งๆที่เป็นโรงแรมสวย มีสไตล์มากๆ



เดินทางจากที่พักไปโรงแรมไม่ไกลเลย แต่ไปรถติดแถวศิริราชนิดหนึ่ง พอเข้าไปที่หอประชุม เห็นวิวเจ้าพระยาที่สวยมาก ฝั่งตรงข้ามเป็นท่าราชวรดิษฐ์ เห็นพระบรมมหาราชวัง มองไปทางขวา ก็เห็นพระปรางค์วัดอรุณอยู่ไม่ไกล จริงๆคืออยู่ถัดกันไปแต่เดินตัดไปไม่ได้ ต้องออกไปนอกถนนแล้วเดินเข้าซอยวัดอรุณอีกที




ตอนเที่ยงของวันสัมมนา 18 สิงหาคม 2554 ไม่อยากกินข้าวที่เขาจัดเลี้ยงเพราะรู้สึกว่าคนแน่นมาก คงต้องคอยกันนาน ก็เลยเดินไปเที่ยววัดอรุณ ทางเดินเข้าเขาปูเป็นหินก้อนใหญ่ๆ ดูโบราณมาก ถนนก็เล็กๆ ดูเหมือนถนนสมัยก่อน


วัดอรุณยังคงเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ มีคนมาเที่ยวมาก ส่วนใหญ่เห็นมาทางเรือ เดินดูรอบวัด รู้สึกตัวว่าไม่ได้มาที่นี่นานมาก หลายปีแล้ว เดินไปเยี่ยมเยียนยักษ์วัดแจ้งสองตนนั้น



ขากลับระหว่างทางเดินกลับหอประชุมกองทัพเรือ แวะกินข้าวมันไก่ไหหลำ เขาโฆษณาว่าเปิดมา 50 กว่าปีแล้ว ก็อร่อยดี เป็นรสชาติที่คุ้นเคย

อยู่แถวนี้สองวัน ชอบวิวที่นี่มาก วันสุดท้าย(วันที่สอง) ได้เข้าประชุมที่ห้องชมวังซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง เป็นห้องชั้นบน มองเห็นวิวพระบรมมหาราชวังสวยมากๆ ตอนเลิกประชุมก็อาศัยเรือข้ามฟากของกองทัพเรือเขารับส่งฟรีไปลงที่ท่าราชวรดิษฐ์ (แต่ต้องเป็นลำสีขาว ลำสีเทาๆเขาไม่ให้คนทั่วไปขึ้น) ตอนกลับฝนตกพอดี เปียกไปตามๆกัน