Sunday, December 23, 2012

Grimn...

ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ได้ดูซีรี่ส์เรื่อง Grimn ก็สนใจติดตามมาตลอด ตอนนี้ก็ยังคงตามดู season 2 ยังไม่จบเลย

แล้วก็พบว่ามีเรื่องของกริมม์เข้ามาในความสนใจเรื่อยๆ 20 ธันวาคม 2555 ครบรอบเทพนิยายกริมม์ 200 ปี Google Doodle ทำกราฟิกเป็นเรื่องหนูน้อยหมวกแดงทั้งเรื่องน่ารักมาก http://www.google.com/doodles/200th-anniversary-of-grimms-fairy-tales (อ่านรายละเอียดการทำงานของเขา มี storyboard น่ารักด้วย)


วันนี้เปิด BBC ฟัง ค้นไปค้นมาพบว่ามีรายการเรื่อง Grimn Thoughts มีทั้งหมด 10 episodes ตอนนี้ยังเป็น episode ที่ 5 ดีจังเลยจะได้ติดตาม  http://www.bbc.co.uk/programmes/b01p3hql

(จริงๆได้ยินคำว่า Grim ใน Harry Potter ตอนนั้นเข้าใจว่าหมายถึงหมาตัวใหญ่ แต่จริงๆในดิกชันนารีแปลว่า ดุร้าย ร้ายกาจ)

Sunday, December 09, 2012

ชีวิตของมาซาโอะ เซโตะ ผู้ถูกพ่อและญี่ปุ่นทอดทิ้ง

วันนี้อ่านหนังสือเรื่อง "ชีวิตของมาซาโอะ เซโตะ ผู้ถูกพ่อและญี่ปุ่นทอดทิ้ง" มีทั้งหมดสองเล่ม เคยอ่านมาสองสามครั้ง วันนี้มีโอกาสหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เนื้อหาบางส่วนเป็นสิ่งที่เราเองเคยเห็นและรู้จัก ก็เลยรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่าติดตามและมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากค่ะ

เดี๋ยวค่อยมาเขียนเพิ่ม มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะเชียว



หนังสือเล่มนี้มีรายละเอียดของชีวิตสมัยก่อนมากทีเดียว จะเห็นสภาพชีวิตรอบๆตัวในสมัยนั้น และชีวิตของมาซาโอเองก็โลดโผนมิใช่น้อย

ส่วนตัวเคยพบกับน้าโอ มาซาโอซักครั้งหรือสองครั้ง ถูกสอนให้เรียกว่าน้าโอ เข้าใจว่าเป็นคนญี่ปุ่นมาโดยตลอด เพิ่งจะมารู้ว่าเป็นคนไทยก็ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน

Thursday, November 29, 2012

ชีวิตบนอินเทอร์เน็ต.... ร่างอวตาร

ตั้งแต่ใช้ชีวิตในเน็ตมา หลายปีมากแล้ว เห็นสมัย WWW ที่ต้องใช้ text mode เพราะถ้าเป็น graphic mode จะช้ามาก  ตอนสร้างเว็บเพจแรกๆต้องเขียน HTML เอง

email ตอนนั้น เขาจะให้ใช้ยังไม่อยากใช้เลย(ประมาณช่วงปี 1994) การสื่อสารบนคอมพิวเตอร์ใช้ feature talk เขียนกันทีละบรรทัดเล็กๆ นั่งทำงานห้องเดียวกันก็ talk กัน (นั่นก็ปี 1991-1992)

การสื่อสารสมัยนั้น(ปี 1991-1992) ยังใช้ pager ตอนทำงานก็ต้องใช้ paclink โอ้ว  นานมากจริงๆ มือถือตัวแรกที่ใช้คือ Philips Boss สมัยนั้นเครื่องละสี่หมื่นกว่าบาท(1995-1996) พอมาปี 1998 ก็เป็นยุคของ Nokia 3310 เครื่องสุดฮิต มีกันทุกคนตอนซื้อมาราคาเริ่มลงเหลือ 9,900 บาท

มีคอมพิวเตอร์ตัวแรกของตัวเองช่วงปี 1995 คือ Compaq Presario ไปซื้อจากไอทีซิตี้ที่พันธุ์ทิพย์พลาซ่า ตอนนั้นเครื่องละห้าหมื่นสี่พัน สู้เครื่องเดี๋ยวนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

1998  ชีวิตเริ่มอยู่บนเน็ตจริงจัง จาก email มาเป็น ICQ, Pirch98  มีเว็บเพจที่สมัยนั้นต้องไปฝากตาม geocities  ส่วน browser ยอดฮิตต้องเป็น Yahoo/Alta Vista ไม่ใช่ Google

อยู่เรื่อยๆ เข้าพินทิปยุคแรกๆ เข้ามั่งไม่เข้ามั่งจนจำลอกอินไม่ได้ สมัครใหม่เป็นอันปัจจุบัน(17x,xxx) ก็ยังถือว่าเก่าเมื่อมานับสมัยนี้
         
2004 เริ่มเขียน blog บล็อกแรกเริ่มที่นี่แหละ  แล้วก็เขียนไปอีกเรื่อยๆ

2007 เริ่มเข้า Facebook  จริงๆก่อนหน้านั้นก็ใช้ Hi5 แต่ไม่ชอบ ไม่มีเพื่อนจะเล่นด้วย มีแต่เด็กๆที่เล่น เมืองนอกก็ใช้ FB เป็นส่วนใหญ่ในขณะที่บ้านเรายังใช้แต่ Hi5
เริ่มใช้ Multiply เพื่อเก็บรูป จนกระทั่ง Multiply ปิดบริการฟรีในเดือนธันวาคม 2012 ก็ต้องหาที่เก็บรูปใหม่เป็นที่วุ่นวาย

2010 เริ่มสร้าง FB หลักอันที่ใช้ปัจจุบัน จากนั้นก็สร้างร่างอวตารอีกนับไม่ถ้วน ชีวิตอยู่บน FB เยอะมาก  เวลา chat ก็ใช้ MSN โปรแกรม icq ยังคงมีแต่ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป

2011 เริ่มใช้  Google+ ไม่ค่อยชอบก็เลยไม่ได้ใช้

2012  เดือนธันวาคม multiply ปิดให้บริการฟรี ต้องย้านไฟล์ภาพ บล็อก และวิดิโอ ไปบล็อกอื่นจ้าละหวั่น
Hotmail ก็ปิดไปอย่างเป็นทางการ account เดิมก็ยังใช้ได้ แต่จะไปเข้า Microsoft Outlook แทน
MSN ก็ประกาศจะปิดบริการต้นปีหน้า โดยจะไปสนับสนุนให้ใช้ skype แทน

นั่งนับร่างอวตารของตัวเอง เยอะมาก  เอาไว้เป็นตัวจริง 1 ชื่อ นอกนั้นเอาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตั้งแต่ เอาไว้เก็บรูป เก็บเพลง เก็บลิงก์งานศิลป์สวยๆ ศาสนา ปรัชญา (แน่นอนว่าบางตัวถูกสร้างเพื่อเอามาเป็นเพื่อนเล่นเกมส์ด้วย ช่วงติด Farmville จะสร้างเพื่อนมาเองเอาไว้ขยายพื้นที่ ^_^)

Facebook มีที่ active ณ ปัจจุบันประมาณ 8 accounts(J,I,V,P,P2,U,S)
Blog มีที่ active ณ ปัจจุบันประมาณ 5 Blog(S,K,B,M,P)
YouTube มี 4 accounts (M,L,J,I)

และมีอื่นๆที่จำไม่ได้ และทิ้งไปบ้างแล้วอีกหลายตัว

มีความคิดว่า คนเราสมัยนี้ มีชีวิตหลายแบบหลายสไตล์ได้ โดยเราไม่สามารถทำได้ในชีวิตจริง แต่บนอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างเป็นไปได้

และน่ากลัวเช่นกันว่า ข้อมูลของตัวเราถูกเปิดเผยอย่างมากบนโลกออนไลน์ ชีวิตเราอ่านง่ายไปไหม? ^_^

Sunday, November 18, 2012

Hydrangea... ชอบจัง

วันนี้นั่งเปิด You Tube ดูการจัดดอกไม้ ชอบหลายๆคลิปที่เอาดอกไฮเดรนเยียมาจัดเป็น Centerpiece โดยเฉพาะงานแต่งงาน ที่บ้านก็มีไฮเดรนเยีย กะว่าว่างๆจะจัดบ้าง

วันก่อนเคยคุยกับเพื่อนที่ยุโรปตอนที่จะปลูกต้นไม้ใหม่หลังฤดูหนาว ในที่สุดก็เลือกไฮเดรนเยีย เราก็บอกว่าบ้านเราก็มี เขาว่าไฮเดรนเยียบ้านเรากับบ้านเขาไม่เหมือนกัน คนละพันธุ์  ก็ท่าจะจริงเพราะทางเมืองหนาวดอกใหญ่ยักษ์มาก เอาจัดแจกันสบายๆ ในขณะที่ของเราเอามาจัดแจกันแป๊บเดียวก็เหี่ยว

ที่บ้านปลูกไฮเดรนเยียหลายปีแล้ว ขึ้นง่ายมาก เอากิ่งมาปักเฉยๆก็ขึ้น มีดอกบ่อยอีกต่างหาก

เอารูปไฮเดรนเยียที่บ้านมาแปะไว้ก่อน ^_^


เมื่อวานลองจัดแจกันด้วยไฮเดรนเยีย ก็น่ารักดี แต่อยู่ไม่ทน  :(


คงรอให้มีดอกมากพอจะจัด centerpiece ไม่ไหว ไปจัดกับดอกเข็มดีกว่ามีเยอะเลย :)

Friday, August 10, 2012

Multiply หยุดให้บริการเว็บโฮสต์ฟรีตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2012

วันนี้เพิ่งได้เปิดไปเช็คเว็บ Multiply ของตัวเอง แล้วก็เจอข้อความนี้


Hello. Stefan here, writing you from Multiply HQ in Jakarta, Indonesia. 

As most of you are probably aware, Multiply's mission has evolved over the past year and a half to become the biggest and most beloved ecommerce marketplace in two very exciting markets, Indonesia and the Philippines. As our focus has shifted, we have reviewed all of our operations, and made some decisions that will affect everyone here.

  • From December 1st, we will unfortunately no longer be able to support Multiply in its current form - notably we will be removing the social networking and content sharing part of Multiply (photos, videos, blogs, social messaging, etc.). We have decided to discontinue providing and hosting these services, as we have concluded that other Internet sites who are committed to social networking services will do a better job serving you than we can.
  • For our existing users of social networking features, we will be providing easy ways for you to either download your stuff (photos, blogs, content, etc), or migrate it to other online services. We'll announce the precise details shortly. It will be your choice whether to download, migrate or just let your content lapse (and get deleted).
  • For our existing ecommerce users (both buyers and sellers) in Indonesia and the Philippines, there will be no action required.
  • Regarding any existing Multiply Premium subscriptions we will refund any unused balance, and apologize for any inconvenience this will cause. Please contact customer service to request a refund. Note that this is for Multiply Premium, not the ecommerce related Multiply Trust product.

I am aware of how disruptive this news may be, and understand the disappointment that it may cause. Ultimately this was a business decision, critical to our to success moving forward. Instead, we are excited to pursue our own mission to give the 350 million consumers in Indonesia and the Philippines a great way to buy and sell items online. Our singular focus now is for Multiply to retain its status as a vibrant e-commerce destination in Southeast Asia in the years ahead. 

I suspect that many of you will not like this news, and am sorry to have to deliver it now. I hope that you will be able to understand the reasons for our decision and thank you for being a part of the Multiply community over the past eight years. 

Stef 


เง้อ...แล้วรูปเค้ามีในเว็บนั้นมหาศาล จะทำยังไงดี ย้ายไปไหนดีน้าาาาา
ว่าแต่  เพิ่งรู้เหมือนกันว่า Multiply มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Indonesia   

เดือดร้อนแล้วเรา...

ในที่สุดก็ใช้ tool ของ multiply ทำการ download ไฟล์ทั้งหมดลงเครื่อง แล้วจับขึ้น Facebook กับ blogger เจ้าเก่า เสียเวลามากแต่ก็ดีกว่าจะให้ไฟล์หายไป ตอนได้ไฟล์มาตกใจเลย มีรูปอยู่เกือบแปดพันรูป ใส่อะไรลงไปละนั่น

Friday, June 01, 2012

นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ



 หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกครั้ง จำได้ว่าชอบมากๆ เพราะได้ความรู้ดี และรู้สึกเชื่อมโยงว่ามีสิ่งที่เราเคยรู้จักหลายเรื่องเหลือเกินที่จริงๆแล้วมันมีความเชื่อมโยงกัน

เป็นหนังสือเล่มแรกที่ตัดสินใจว่าจะไฮไลต์เนื้อหาในหนังสือพารากราฟที่ชอบโดยไม่เสียดายว่าจะทำให้หนังสือเป็นรอย เพราะการไฮไลต์จะทำให้อ่านเนื้อหาที่เราชอบได้ง่ายขึ้นมาก

เดี๋ยวอ่านไปก็จะค่อยๆนำเนื้อหามาใส่ดีกว่านะคะ


-        นำไปสู่ Bletchley Park รู้จักโรอัลด์ ดาล์   เอียน เฟลมมิ่ง(007)
-        Mathematicians
-        http://www.youtube.com/watch?v=YCA3VPB9niU  Bletchley Park's Lost Heroes (2011) - BBC Documentary มีหลายฉากที่สามารถนำมาอธิบายประโยชน์ของการเรียนคณิตศาสตร์เช่น prime number bitwise modulation  รู้จักประวัติและการทำงานของ Colossus/MARK II  
-        William Tuttes มีชื่อเซ็นในสมุดของราชสมาคมแห่งลอนดอน เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดที่นี่จะมีสมาชิกผู้โด่งดังมากมายเช่น Newton, Humfrey Davy, Rutterford
-        Alan Turing ชีวิตที่น่ารู้จัก

Wednesday, May 02, 2012

ฝนตก ฝนแล้ง ภัยพิบัติ

2556 ปีนี้อากาศร้อนมาก มีแนวโน้มว่าจะเกิดภัยแล้ง ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝน เดือนหกแล้ว ทางใต้มีฝนตกมากพอควร แต่อากาศร้อนมากๆ กะว่าจะบันทึกเรื่องฝนฟ้าอากาศแต่ละปีช่วงนี้ไว้


พฤศจิกายน ช่วงวันที่ 20-22 พฤศจิกายน มีพายุเข้าไทย ภาคใต้ฝนตกต่อเนื่องไม่เห็นัดวงอาทิตย์ตั้งแต่วเันที่ 19 วันนี้วันที่ 21ฝนยังตกตลอดที่ท่าศาลแต่ยังไม่มีน้ำท่วม
วันที่ 22 เริ่มหนักมากขึ้น โดยเฉพาะตอนเย็นมีลมหมุนเข้าพื้นที่ ร้านชาวเลพังลงทั้งหลัง ฝนตกจนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน แล้วก็หยุด

ปี 2556 คิดว่าจะไม่มีอะไร อากาศร้อนเป็นปกติ  แต่ช่วงเดือนกันยายน น้ำท่วมหนักแถบปราจีนบุรี สระแก้ว  และอีกหลายจังหวัด เช่น นครสวรรค์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ ฯลฯ ที่น่านก็มีข่าวถนนเสียหายจากดินถล่ม ภาคใต้มีฝนตกตามปกติแต่ยังไม่มีข่าวน้ำท่วม
ช่วงเดือนนี้หลักๆคือ อุทกภัยภาคตะวันออก

รูปบริเวณที่มีน้ำท่วม สีแดงคือวิกฤต สีฟ้าคือระดับเตือนภัย  ภาพ ณ วันที่ 28 กันยายน 2556  จากเว็บThaiFlood ศูนย์ข้อมูลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

==========================================

ปี 2555 ปีนี้เขาพยายามพร่องน้ำในเขื่อนเพื่อเตรียมรับน้ำท่วม แต่กลับเจออากาศร้อนจัด หลายจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ง เดือนเมษายนปีนี้ร้อนมากๆ  กลางเดือนเมษายนมีแผ่นดินไหวในทะเล อินโดนีเซีย คนภาคใต้ที่นครศรีรับรู้แผ่นดินไหว ที่บ้านเองก็รู้สึกว่าแผ่นดินไหวเบาๆ กลัวกันว่าจะเกิดสึนามิ แต่ก็ไม่เกิด

==========================================

ปี 2554 25 มีนาคม 2554 ฝนตกหนักในมวล.และมีน้ำท่วมหลายจุดในเมือง ถึงกับต้องส่งคนกลับตัวเมืองก่อนเวลาเลิกงาน น้ำท่วมต่อเนื่องถึงต้นเดือนเมษายน   http://www.blogger.com/blogger.g?blogID=7900301#editor/target=post;postID=2131862304366619181 ปีนี้เป็นปีมหาอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่  เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม กระจายพื้นที่ต่างๆแต่ละภาคทุกภาค แม้แต่ในกทม.ก็น้ำท่วมชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำลดช่วงมกราคม 2555

==========================================

ปี 2553 น้ำท่วมหนักที่ มวล. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553

==========================================

ปี 2547 26 ธันวาคม 2547 เกิดสึนามิครั้งร้ายแรงหลายประเทศ และเป็นครั้งแรกของประเทศไทย คนเสียชีวิตมากมาย จังหวัดที่ได้รับผลกระทบคือหกจังหวัดภาคใช้ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

Saturday, March 03, 2012

จดหมายถึงเพื่อน...กนกพงศ์ สงสมพันธ์

สัปดาห์ที่แล้วและสัปดาห์นี้ ได้อ่านหนังสือหลายเล่ม แต่อยากพูดถึงหนังสือ "จดหมายถึงเพื่อน" เพราะปกติก็อ่านหนังสือของคุณกนกพงศ์บ้างมาตั้งแต่ "แผ่นดินอื่น" ที่ได้รางวัลซีไรต์ ชายหนุ่มที่บ้านก็ชอบหนังสือของคุณกนกพงศ์ ที่บ้านก็เลยมีวางไว้หลายเล่ม

โดนส่วนตัวไม่ค่อยอ่านหนังสือของคุณกนกพงศ์ หนึ่งคือไม่ค่อยอ่านเรื่องสั้นเพราะเรื่องมันสั้น อ่านแล้วจบเร็วเกิน และมีพล็อตเดียว ไม่มีอะไรซับซ้อน อีกอย่างความที่โทนเรื่อง เนื้อหา ฉากในเรื่องมักเป็นสิ่งที่ฉันเองก็รับทราบมาตลอดเป็นปกติ ความที่เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน พื้นฐานคล้ายกัน คือเป็นคนใต้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่เขาเขียนถึง ฉันก็รู้จัก มีประสบการณ์กับสภาพชีวิตลักษณะนั้นโดยตรง และไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกอะไร สำนวนการเขียนสละสลวย แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดหวังจากคนเขียนหนังสืออยู่แล้ว

สิ่งที่เขาอธิบายมาจากความคิดของเขาซึ่งฉันก็ไม่ได้เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่คนอื่นจะต้องคิดแบบเดียวกัน เขาอธิบายความคิดตัวเองออกมาได้ดี แต่ฉันก็ไม่ได้เห็นความลุ่มลึกของความคิดหรืออะไรมากนัก ไม่ได้สร้างจินตนาการอะไรที่แปลกใหม่ 

แต่หนังสือ จดหมายถึงเพื่อน กลับเป็นเรื่องฉันชอบ เพราะมันเป็นการเล่าเรื่องชีวิตประจำวันง่ายๆ เหมือนเพื่อนเล่าสู่กันฟัง มีคนในเรื่องที่ฉันรู้จักจริงๆ การอ่านสิ่งที่คนจริงๆคิดโดยไม่ใช่นิยาย ก็เลยสนุกสนานดี โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงหมอฟันและภรรยานายกเทศมนตรี (ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของฉันทั้งสองคน) ที่อ่านแล้วก็ อืมม์ ใช่จริงๆ

แปลกที่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว เมื่อวานนี้ก็ได้หนังสือของคุณอุรุดา โควินท์ เรื่องครัวสีแดง น่ารัก สนุกสนานดี ตกลงก็เลยได้อ่านหนังสือที่ผู้เขียนเกี่ยวข้องกันโดยมิได้นัดหมาย

22 ตุลาคม 2556

หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกครั้ง เพราะมีคนพูดถึงคุณกนกพงศ์ และมีรูป "พินัยกรรม" โพสต์มาให้ดูกันบน FB ก็เลยอยากอ่านว่าเคยรู้สึกกับการเขียนของคุณกนกพงศ์อย่างไร

ทีแรกจะมาเปิดหน้าสองหน้าเฉพาะส่วนที่มีคนในเรื่องที่ฉันรู้จัก ปรากฏว่าหาหน้าที่ว่าไม่เจอก็เลยเปิดอ่านมาใหม่ตั้งแต่หน้าแรก พบว่าอย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึกสนุกกับหนังสือเล่มนี้เป็นเพราะเขาเล่าถึงคนที่ฉันรู้จัก ซึ่งตอนนี้ฉันรู้จักคนที่เขาพูดถึงมากขึ้น รู้ชื่อเสียงเรียงนามและก็นึกออกด้วยว่าอารมณ์ในเรื่องเป็นยังไง  :) อ่านไปด้วยความสนุกสนาน และรีบพับมุมหนังสือไว้ ต่อไปกลับมาค้นเฉพาะเรื่องอีกจะได้หาได้ง่ายๆ

แต่ก็ต้องโน้ตไว้ว่าในเล่มนี้เขาพูดถึงหนังสือหลายเล่มทั้งไทยและเทศ บางเล่มฉันก็เคยอ่านแต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนที่เขาบรรยายในหนังสือเล่มนี้เลย บางเรื่องที่เขาชอบฉันก็ไม่ชอบ บางเรื่องที่เขาวิจารณ์ฉันก็มองว่าเฉยๆ  อืมม์  คนเราคิดไม่เหมือนกันจริงๆนะ คนละสไตล์ คนละประสบการณ์ชีวิต









Thursday, February 23, 2012

Sifakas ลิงขาว...ราวกับหนุมาน


By SurreyJohn - Own work, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=35531490

เมื่อคืนดูรายการสารคดีชีวิตสัตว์ มีรายการหนึ่งพาไปดูชีวิตของลีเมอร์ ซิฟาคา ซึ่งหน้าตาคล้ายๆลิง ขนสีขาวสวย หน้าดำ กระโดดได้ไกลมาก เพราะหากินบนต้นไม่ที่มีหนามแหลม แล้วใช้วิธีกระโดดข้ามจากต้นนี้ไปต้นนั้น ไม่กลัวหนามกันเลย มันกินดอกอ่อน ใบอ่อน ของต้นไม่มีหนามพวกนั้น ซึี่งมีน้ำเพียงพอโดยไม่ต้องไปหาน้ำที่แหล่งอื่นเพิ่มอีก (ซิฟาคามีหลายชนิดย่อย มีชนิดที่เก่าแก่กว่านั้นคือพวกที่อาศัยในป่าเขตร้อน ตัวจะสีคล้ำกว่า แต่ก็สามารถกระโดดได้แบบเดียวกัน)


ว่าไปแล้วซิฟาคาเหมือนลิงมากกว่าลีเมอร์ ใช้ขาทั้งสองคล้ายคนมากกว่าลิงหรือลีเมอร์ชนิดอื่นๆ

ที่สะกิดใจคือ ตอนที่มันกระโดด จะกระโดดจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งโดยใช้ขาหลังไปจับที่กิ่งที่กระโดดไป แล้วมันสามารถกระโดดไปมาได้เร็วมาก นึกถึงนิยายกำลังภายในขึ้นมาทันทีที่เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามต้นไม้ จะเห็นแบบมาจากซิฟาคาพวกนี้หรือเปล่านะ

ท่าทางอีกอย่างที่คุ้นตามากคือการกระโดดไปบนดิน เวลาที่ลงมาจากต้นไม้ มันจะกระโดดตัวเอียงๆ ใช้ขาสองข้างทีละข้างก้าวไป แต่จังหวะกระโดดลงเกือบจะพร้อมกัน เห็นแล้วนึกถึงหนุมาน ตอนที่เขาแต่งเรื่องรามเกียรติ์ เขาจะเคยเห็นลีเมอร์พวกนี้บ้างไหม จริงๆแล้วนึกไกลไปถึงโขนด้วยซ้ำ เวลาที่ตัวลิง ตัวยักษ์ออกมา ก็จะเต้นตัวเอียงๆออกมาแบบนี้

ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ตัวโปรดของฉันไปแล้ว ชอบจริงๆเลย

ตามไปดูรูปจากลิงก์นี้แล้วกัน http://www.burrard-lucas.com/photo/madagascar/sifakas_jumping.html

แล้วก็ดูท่ากระโดดจากวิดิโอนี้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=8fzpeCR2JmQ&feature=related


Sunday, February 19, 2012

Joshua Bell .... เพิ่งรู้จักอีกแล้ว

วันนี้มีน้องโพสต์ใน Facebook ว่า "หรือจังหวะชีวิตก็อาจทำให้เราพลาดอะไรบางอย่างไป" แล้วก็มีเรื่องของนักไวโอลินไปเล่นไวโอลินที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งใน Washington DC เล่นไปประมาณ 45 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งก็เป็นที่คาดเดาได้ว่าผู้คนจะเร่งรีบกันมาก ช่วงเวลานั้นมีคนเดินผ่านไปมาประมาณ 1,100 คน แต่มีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ได้หยุดฟังเขาเล่นไวโอลิน มีประมาณ 20 คนให้เงินเขาซึ่งรวมแล้้วเป็นเงินจำนวน 32 เหรียญ จนถึงตอนที่เขาหยุดเล่นก็ไม่มีใครสนใจ

จริงๆแล้ว นักไวโอลินคนนี้คือ Joshua Bell หนึ่งในนักดนตรีอัจฉริยะของโลก เพลงที่เขาเล่นเป็นระดับมาสเตอร์พีซ และเขาเล่นเพลงด้วยไวโอลินที่มีมูลค่ากว่า 3.5 ล้านดอลล่าร์

การแสดงชุดนี้ถูกจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ Washington Post เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้ รสนิยม และการให้ความสำคัญของคน ซึ่งก็ได้ข้อคิดมาว่า

"If we do not have a moment to stop and listen to one of the best musicians in the world playing the best music ever written, how many other things are we missing?"

อ่านแล้วก็งงๆกับชีวิตว่าทำไมไม่เคยรู้จักหนุ่มคนนี้ ก็เลยไปค้นข้อมูลในเว็บ ประวัติความเก่งกาจมีเพียบ แถมไวโอลินที่เขาใช้เป็นของ Stradivarius ( เหมือนในเรื่อง Red Violin) กะว่าเดี่ยวจะค้นเรื่องไวโอลินต่อ จะได้ต่อเนื่องจากโพสต์ก่อน
http://singingbluejay.blogspot.com/2010/04/red-violin.html

Friday, February 10, 2012

เรื่องเก่าๆ

วันนี้นั่งคุยกับคุณพ่อและพี่สาวหลังกินข้าวกลางวัน เริ่มจากคุยเรื่องฝรั่งที่มาทำงานเมืองไทย ไม่ใช่ทุกคนที่คนไทยจะนับถือได้ แล้วคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าฝรั่งที่เข้ามาสมัยก่อนจะทำตัวน่านับถือ แม้จะเป็นฝรั่งที่เข้ามาทำเหมืองก็จะมีความรู้ดี เก่งจริง และมีการวางตัวที่เหมาะสม ยิ่งถ้าเป็นชาวอังกฤษจะวางตัวดีมากๆ บางคนไปไหนก็จะถือร่มติดตัวตลอดเวลาตามธรรมเนียมอังกฤษ อย่างในระนอง เวลาฝรั่งจะกินข้าวก็จะมีร้านเฉพาะที่ดูดี กินอาหารกระป๋อง เป็นต้น

แล้วก็คุยกันต่อถึงคนที่หน้าตาคล้ายฝรั่ง เช่นที่โรงเรียนสหายวิทย์ที่ระนอง สมัยที่ยังเรียนตอนเด็กมากๆ อาจารย์ใหญ่ชื่อ ขุนเผดิมเกิดบ้านตะเคียน หน้าตาเหมือนฝรั่ง คุณพ่อบอกว่าถ้านามสกุลนี้ แสดงว่าพื้นเพเดิมอยู่ที่ถลาง และอาจมีเชื้อฝรั่งจริงเพราะแถวนั้นมีฝรั่งอยู่เยอะ แต่ตัวขุนเผดิมเป็นบัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬา มีความทรงจำกับอาจารย์ไม่มากนัก เพราะรุ่นต่อมาที่จำได้จะจำว่าอาจารย์ใหญ่ชื่อครูแดง

คุณพ่อเคยทำงานกับบริษัทภูเก็ตติน บริษัทพวกนี้เป็นของฝรั่งทั้งนั้น ฝรั่งออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย ส่วนใหญ่มาเป็นคนงานชั้นดี ฝรั่งนายงานมักเป็นคนอังกฤษ คนฮอลันดา หรือถ้าเหมืองสูบก็จะเป็นนายงานจีนที่เรียนรู้มาจากภูเก็ต คุณพ่อบอกว่าสมัยก่อนมองออกว่าเป็นฝรั่งชาติไหน ฝรั่งก็มีชนชั้น ฝรั่งอังกฤษก็จะเป็นระดับสูงซึ่งก็ใหญ่จริงๆ ฝรั่งอื่นก็ต้องนอบน้อมกว่า

คุณนายก็เป็นลูกฝรั่งอังกฤษ แม่ไทย(ซึ่งมีสามีคนไทยพม่าอีกคนหลังจากฝรั่งกลับไป)

ที่ระนองบริษัทเหมืองแร่ที่มีชื่อได้แ่ก่ ไซมิสติน บางริ้นติน ระนองคอนโทรล(ตรงที่เป็นบ้านเราตอนนี้ ไปแถวโรงเรียนพิชัยด้วย) ทีหลังระนองคอนโทรลขายให้เจ๊กทำเหมือง แล้วเขาก็แบ่งให้ท่านขุนสวัสดิ์ภักดีด้วย ก็ได้ทำเหมืองแร่หาบ หรือเหมืองสูบด้วย (ของฝรั่งจะทำเรือขุด) ฝรั่งจะได้ปทานบัตร สัมปทานเขาจะได้กันนานเป็น 99 ปีเป็นต้น ทำเป็นที่เช่า คนไทยก็ไม่มีสิทธิ์ หลัง 99 ปีสภาพก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ราคาเช่า เช่นหนึ่งบาทต่อเดือน คนฝรั่งอยู่ในระนองเป็นร้อยคน เป็น นายช่าง นายงาน หัวหน้าสำนักงาน ฯลฯ

เรือขุดแร่ที่หลังสวนก็มีเยอะ เช่น เรียกว่าเรือบ้านควนหินมุ้ย ฝรั่งบางคนก็พูดไทยได้นิดหน่อย คนไทยเราก็รู้ภาษาเหมืองแร่หน่อยหนึ่ง สรุปว่าสื่อสารกันได้ สมัยก่อนคนงานมักเป็นคนจีนมากกว่าเมืองไทย ขนกันมาจากปีนัง ปีนังเองก็เหมืองทั้งนั้น

คนฝรั่งหมดเอาตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นจับฝรั่งเกือบหมด กิจการเลิก แต่ญี่ปุ่นไม่ทำเหมือง คนจีนคนไทยจึงได้ทำเหมืองต่อ นายช่างก็เอามาจากวิศวะจุฬา กรมโลหกิจส่งมา เพราะเหมืองช่วงนั้นถูกปล่อยทิ้ง วิศวกรเข้ามาคุมทั่วภาคใต้เพราะคนมีความรู้ไปหมดแล้ว ต้องนำคนไทยเข้ามาคุม โดยใช้ความชำนาญของคนงานที่เคยทำมาก่อน