Sunday, December 14, 2014

นิยายจีนกำลังภายใน

วันนี้อ่านเรื่อง กระบี่เทพสังหารจบ มีทั้งหมด 11เล่ม เรื่องนี้พระเอกชื่อ จางเสี่ยวฟาน นางเอกชื่อ ลู่เสวินเฉีย มีนางรองชื่อ ปี้เหยา เป็นเรื่องของตัวเอกที่โง่งมแต่ได้ร่ำเรียนเคล็ดวิชาลึกล้ำ มีฝ่านธรรมะคือดอยเมฆาเขียว ฝ่ายอธรรมคือนิกายจอมปีศาจ เป็นเรื่องที่มีเวทย์ มีปีศาล มีของวิเศษอยู่เต็มไปหมด ก็สนุกดี เล่มแรกๆ สนุกกว่าเล่มหลังๆ โดยรวมชอบประมาณ 7.5เต็มสิบ

สามสี่เดือนก่อนก็ตะลุยอ่านนิยายจีน มีเรื่อง คนขุดสุสาน ต่อด้วยบันทึกจอมโจรขุดสุสาน เรื่องหลังสนุกกว่า แต่ทั้งสองเรื่องผีเยอะมาก อ่านตอนกลางคืนไม่ได้ทีเดียว

16 ธันวาคม เริ่มอ่านคนขุดสุสานภาค 2 เล่มแรกน่าเบื่อมาก ท้ายเล่มดึขึ้นมานิดนึง ชอบสับสนชื่อและเนื้อเรื่องกับบันมึกจอมโจรขุดสุสาน  เรื่องคนขุดสุสานพระเอกเป็นพวก คลำถ้วยตรวจยศ ชื่อ หูป๊าอิ มีตำราฮวงจุ้นหยินหยางสิบหกอักษรจากปู่  พระเอกเป็นทหารในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม มีเพื่อนชื่อ พั่งจื่อ  เยี่ยนจื่( ู้หญิง) เนื้อเรื่องมีการจญภันไปขุดสุสานกับศาสตราจารย์เฉิน และนางเอก ชื่อ เชอรี่ หยาง




Friday, December 05, 2014

หาหนังสือให้หลานอ่าน

เมื่อวานคุณหลานคนโตบอกมาว่าเดี๋ยวจะกลับบ้านกลางเดือนให้เตรียมหนังสือ บ้านเล็กในป่าใหญ่ ไว้ให้ เธออยากอ่านอีกรอบ จัดไป ก็เลยนึกถึงคุณหลานเหลือๆอีกสองสาวว่าน่าจะหาอะไรไว้ให้อ่านบ้าง
คุณหลานคนโตเป็นนิเทศ อินเตอร์ แต่ก็เป็นสาวโรแมนติก สนใจทำอาหาร นอกจากบ้านเล็กในป่าใหญ่ ก็เลยจัดเพิ่มให้อีกสี่เล่ม

1. วิทยาวรรณกรรม เป็นพระนิพนธ์ของ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงษ์ประพันธ์ เป็นหนังสืออธิบายเกี่ยวกับวรรณคดีและหลักวรรณศิลป์ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่เคยอ่านทีเดียว
2. สูตรลับ เลอ กอร์ดองเบลอ เรื่องเล่าถึงการเรียนในสถาบันกอร์ดองเบลอมาตั้งแต่วิธีใช้มีดใช้หมัอไปถึงวิธีทำอาหาร คนทำอาหารต้องชอบค่ะเรื่องนี้
3. รัตนาวดี ของ ว. ณ ประมวลมารค เป็นนิยายลำดับที่สามในชุด ปริศนา เรื่องนี้เป็นจดหมายเล่าเรื่องของท่านหญิงรัตนาวดีที่ไปเที่ยวยุโรป ทั้งโรแมนติกและได้ความรู้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนชอบเที่ยวมากๆ
4. Midsummer Night's Magic เป็นเรื่องสั้นสี่เรื่องในหนึ่งเล่ม เป็นนิยายสนุกๆเกี่ยวกับแฟร์รี่ แต่ก็เป็นเรื่องราวปัจจุบัน น่ารักโรแมนติกค่ะ เป็นภาษาอังกฤษ แต่คุณหลานคงชอบอ่าน


หันไปหาคุณหลานคนรอง เธออ่านตำรามากกว่านิยาย และเธอเรียนเศรษฐศาสตร์ เกษตร งั้นต้องสามเล่มนี้เลย

1. ทรัพยศาสตร์ ของ พระยาสุริยานุวัตร เป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทย ตอนพิมพ์ครั้งแรกถูกขอไม่ให้เผยแพร่เพราะวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยภายใต้ระบบสมบูรณาญาสิทธิราช จริงๆมีสามเล่มย่อย แต่เล่มนี้เป็นฉบับสมบูรณ์รวมทั้งสามเล่มอยู่ในเล่มเดียวกัน
2. เศรษฐกิจสยาม เป็นบทวิเคราะห์ในพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมกมื่นสรรควิสัยนรบดี ผู้เป็นดุษฎีบัณฑิตทางเศรษฐศาสตร์จากเยอรมนีองค์แรกของสยาม พระวิทยานิพนธ์ใช้ชื่อเรื่อง เกษตรกรรมในสยาม:บทวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยาม น่าสนใจนะคะ
3. อัตชีวประวัติหม่อมศรีพรหมา กฤดากร ท่านเป็นหม่อมของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ผู้บุกเบิกเรื่องกสิกรรมสมัยใหม่ในเมืองไทย เด็กเกษตรไม่อ่านไม่ได้แล้วล่ะ แต่จริงๆชอบเรื่องนี้ในมุมประวัติศาสตร์ยุคสมัยก่อน แถมท้ายเล่มมีวิธีถนอมอาหารที่ท่านได้ทำในฟาร์มสมัยใหม่ของยุคนั้นด้วย อ่านเล่มนี้แล้วปลื้มท่านมากๆ

ตัดฉากมาที่หลานสาวคนเล็ก เด็กเตรียมสายวิทย์ มีหน้าตาและสภาพชีวิตคล้ายคุณน้ามากอย่างน่าตกใจ ถ้าเหมือนกันจริงจะหาหนังสือให้อ่านง่ายมาก คือโยนอะไรให้อ่านก็อ่าน อ่านไปถึงกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เขาเอามาห่อของกันเลย เธอมีหนังสือของตัวเองมากอยู่แล้ว เอาไปสองเล่มแล้วกัน




1. จากอณูถึงอนันต์วิทยาศาสตร์ต้องรู้ มีทุกเรื่องตั้งแต่อะตอมไปยันจักรวาลเลยค่ะ อ่านสนุกดี
2. ตำนานอาหารโลก คุณหลานยังไม่สนใจทำอาหาร ก็เอาไปแต่ตำนานสนุกๆของอาหารแล้วกัน อย่างเวลากินชาเอิร์ลเกรย์ รู้รึเปล่าว่าเขาคือใคร ไส้กรอกที่ดีแต่เห่าอย่างฮอตดอก หรือแม้แต่ชื่อกาแฟคาปูชิโนจริงๆมาจากชื่อกลุ่มนักบวช น่าสนใจใช่มั้ย 
อ้อ เพิ่งมาเห็นว่าลืมเขียนอีกเล่มนึง เป็นผลงานศิลปินที่มีชื่อเสียง อ่านไว้ก่อนเวลาไปเที่ยวดูภาพจริงๆจะได้รู้ story และเทคนิคการเขียนภาพนั้นค่ะ

Tuesday, December 02, 2014

น้ำพุย้อมสี





ถ้าได้ไปเที่ยวเมืองไหนที่มีน้ำพุ ลองสังเกตดูนะคะ อาจได้เห็นเขาย้อมน้ำพุเป็นสีต่างๆ สีของน้ำพุก็อาจจะบอกได้ว่ากำลังมีการรำลึกถึงหรือรณรงค์เรื่องอะไรกันอยู่ เท่าที่ผ่านมาได้เห็นอยู่สองที่ ที่แรกในออสเตรเลีย ตอนนั้นเข้าเมืองไปกับอาจารย์เมฆ Phusit Horpet เห็นน้ำพุเป็นสีชมพู ออกจะตื่นเต้น

ล่าสุดได้เห็นที่ฟิลาเดลเฟีย เป็นน้ำพุใน Love Park ได้เห็นสีขาวปกติ สีชมพู และสีฟ้า(จริงๆคิดว่าสีม่วง เห็นด้วยตารู้สึกว่าสีออกม่วง แต่เวลาถ่ายรูปมาเห็นเป็นสีฟ้ามากกว่า) แต่ละสีก็มีความหมายนะคะ ไม่ได้ย้อมเล่นเฉยๆ
เขาบอกว่าน้ำพุที่ Love Park จะถูกย้อมสีอยู่บ่อยๆขึ้นกับว่ามีอีเว้นท์อะไรจัดขึ้น สีของน้ำพุที่เคยใช้จะมีความหมายต่างกัน ได้แก่
สีชมพู - ใช้ในการรณรงค์ให้ตระหนักเเรื่องมะเร็งเต้านม ซึ่งจะจัดทุกปีในเดือนตุลาคม
สีฟ้า - รำลึกการเสียชีวิตของตำรวจ
สีเขียว - เพื่อเป็นเกียรติกับทีมเบสบอล Philadelphia Phillies winning the World Series, Phanatic Green (October 29, 2008) และใช้ในการสนับสนุนทีมอเมริกันฟุตบอล Philadelphia Eagles ในปี 2011
สีแดง- ใช้ในอีเว้นท์การตลาดสำหรับรายการทีวี Showtime's Dexter
สีม่วง- ใช้ในการรณรงค์ให้ตระหนักเรื่องโรค Lupus (โรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี เกิดจากภูมิต้านทานต่อต้านเนื้อเยื่อของตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เช่น ไต ข้อ ไต เม็ดเลือด และผิวหนัง.)

ไม่แน่ใจว่าบ้านเรามีการย้อมสีน้ำพุบ้างมั้ย ส่วนใหญ่เห็นแต่การประดับไฟสีมากกว่านะคะ หรือไม่ก็เล่นกับการพ่นน้ำพุเป็นรูปร่างต่างๆ ยังไงก็ชอบค่ะ 

Friday, November 28, 2014

ต่างสี ต่างศักดิ์?


สองสามวันมานี้ติดตามข่าวการจลาจลในเมืองเฟอร์กูสัน เรื่องราวที่เกิดจากรอยแผลแห่งความแตกต่างของสีผิวมนุษย์ มองแบบคนนอก เข้าใจว่าอเมริกาเป็นดินแดนแห่งความเท่าเทียม  แต่ก็มีบางมุมที่ยังเห็นความไม่เท่าเทียมอยู่นั่นเอง....

มาดูหนังเกี่ยวกับความแตกต่างของสีผิวคนเมื่อสองสามร้อยปีก่อนกันดีกว่าค่ะ....(Spoiled)

เมื่อสองเดือนก่อนได้ดูหนังอังกฤษเรื่อง Belle เป็นหนังพีเรียดย้อนไปถึงปลายศตวรรษที่ 18  เรื่องราวของเบลล์ เด็กหญิงลูกครึ่งผิวสีเกิดจากพ่อที่เป็นทหารเรืออังกฤษกับแม่ที่เป็นทาสแอฟริกันใน West Indies  พ่อของเบลล์รับตัวเบลล์ไปอยู่ที่อังกฤษหลังจากที่แม่เธอเสียชีวิต โดยนำไปฝากไว้กับครอบครัวลุงของพ่อ ซึ่งเป็นเอิร์ลแห่งแมนสฟิลด์ และเป็นหัวหน้าคณะลูกขุนด้วย ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวผู้ดีมีตระกูลอาศัยอยู่ที่ Kenwood House นอกเมืองลอนดอน เบลล์ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีคู่กันกับญาติของเธอชื่อ อลิซาเบธ ที่มาอาศัยกับครอบครัวนี้หลังจากที่แม่เสียชีวิตและพ่อก็แต่งงานใหม่ 

เมื่อพ่อของเบลล์ เสียชีวิตลง ได้มอบมรดกไว้ให้เบลล์แต่พ่อของอลิซาเบธไม่ให้มรดกใดกับเธอ  ซึ่งในยุคนั้นการแต่งงานของตระกูลใหญ่มักจะดูเรื่องมรดกที่ติดตัวมาของฝ่ายหญิงด้วย ทำให้อลิซาเบธได้รับความสนใจน้อยกว่าทั้งที่เธอเป็นสุภาพสตรีผิวขาวในขณะที่เบลล์เป็นสุภาพสตรีผิวสี และจากการได้ออกงานสังคมทำให้มีชายหนุ่มจากตระกูลเก่าเข้ามาติดพันหญิงสาวคู่นี้ ในที่สุดเบลล์หมั้นกับโอลิเวอร์ ในขณะที่พี่ชายของโอลิเวอร์สนใจอลิซาเบธแต่หยุดการติดต่อทันทีเมื่อทราบว่าเธอไม่มีมรดกติดตัว

พระเอกของเรื่องชื่อจอห์น เป็นคนหัวก้าวหน้า มาฝึกงานกฏหมายกับลอร์ดแมนสฟิลด์ โดยในปี  1783 มีคดีดังคือ  Gregson v. Gilbert เป็นเรื่องของการเรียกเงินประกันสำหรับทาสที่ถูกฆ่าตายโดยการโยนทิ้งออกไปจากเรือค้าทาส (เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ  Zong massacre เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่นำไปสู่การเลิกทาสในอังกฤษในเวลาต่อมา)  ต่อมาจอห์นเกิดโต้เถียงกับลอร์ดแมนลฟิลด์เกี่ยวกับคดีและถูกสั่งห้ามไม่ให้พบกับเบลล์  เบลล์ชอบพอกับจอห์นและได้ลอบไปพบจอห์นเพื่อช่วยนำเอกสารสำคัญไปให้  ลอร์ดแมนสฟิลด์ทราบเรื่องที่เบลล์ไปพบจอห์น จึงตามไปในขณะที่ทั้งคู่นัดพบกัน จนในที่สุดจอห์นสารภาพว่ารักเบลล์ต่อหน้าท่านลอร์ด  ต่อจากนั้นเบลล์ถอนหมั้นโอลิเวอร์ 

เรื่องมาเข้มข้นตอนท้ายเมื่อลอร์ดแมนสฟิลด์ได้พิจารณาคดีเรื่องทาสที่ตายโดยการถูกจับโยนทิ้งทะเล ซึ่งบริษัทค้าทาสเรียกเงินจากบริษัทประกันโดยอ้างว่าบนเรือมีน้ำดื่มไม่เพียงพอ การฆ่าทาสไปจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยคนส่วนใหญ่นับว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และบริษัทประกันน่าจะจ่ายค่าประกันให้ ซึ่งบริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายเงิน เรื่องจึงมาถึงศาล  แต่จากการไต่สวนพบความจริงว่าเรือค้าทาสลำนั้นแล่นเรือหลงทาง  บรรทุกทาสมาแออัดมากเกินจนมีทาสป่วยหลายคน นำไปขายก็จะไม่ได้ราคา โยนทิ้งน้ำแล้วรับเงินประกันจะคุ้มกว่า เพราะถ้าทาสไปตายเมื่อเรือถึงฝั่งก็จะไม่ได้เงิน  คดีนี้จบลงที่บริษัทประกันไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทค้าทาส และเรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหลังจากที่ลอร์ดแมนสฟิลด์ยอมให้เบลล์คบกับจอห์นและให้ความช่วยเหลือจอห์นให้ได้เป็นนักกฏหมายสมความตั้งใจ

มีประโยคหนึ่งที่น่าสนใจในหนังคือตอนที่นางเอกถามลอร์ดแมนสฟิลด์ว่า ทำไมเธอถึงสูงศักดิ์เกินกว่าที่จะกินอาหารร่วมกับคนใช้ แต่ไม่สูงศักดิ์เพียงพอที่จะกินอาหารร่วมกับครอบครัวของเธอ ....

หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ  Dido Elizabeth Belle โดยได้แรงบันดาลใจจากการที่เห็นรูปวาดรูปนี้ ซึ่งน่าแปลกใจที่เห็นสุภาพสตรีผิวดำแต่งกายเช่นเดียวกับสุภาพสตรีผิวขาว และได้อยู่ร่วมภาพเดียวกันในอิริยาบทเช่นนี้ รูปนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Scone Palace ใน  Perthshire, Scotland  อยากเห็นรูปนี้เหมือนกันค่ะ เป็นภาพที่มีชีวิตชีวามาก เป็นอีกภาพหนึ่งที่เห็นปุ๊บก็รักเลย  :)

ค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Zong_massacre      การสังหารหมู่บนเรือ Zong
http://en.wikipedia.org/wiki/Middle_Passage  เส้นทางสามเหลี่ยมการค้าทาสจากยุโรปไปรับทาสจากแอฟริกาเพื่อนำไปขายในทวีปอเมริกา  
https://www.youtube.com/watch?v=9Qx90wdRD2I Belle Official Trailer

1 มีนาคม 2562
เพิ่งได้ดูรายการ Fake or Fortune  S07E04 A Double Whodunnit 02, September   https://www.youtube.com/watch?v=9luqXA5RHiw&list=PLzcBkB4D0BrdOFOKlAVPgm_YLVUnHSSw_&index=2  เขาไปที่ Scone Palace ด้วย  (เพิ่งรู้ว่าอ่านว่า สกูน  :) ) ep. นี้เขาจะพิสูจน์ว่ารูปวาดในโพสต์นี้เป็นฝีมือใครค่ะ  น่าสนใจมาก  จากการพิสูจน์เทียบการใช้สีของภาพ พิสูจน์ได้ว่าผู้วาดภาพนี้คือศิลปินชื่อ David Martin  
ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ใน ep. นี้มีการพูดถึง Reform club อยู่ตรงข้ามกับ office ของ art dealer พิธีกรรายการนี้ ดูแล้วคิดถึงสโมสรปฏิรูปในหนังสือแปดสิบวันรอบโลกเลยทีเดียวค่ะ

Thursday, November 27, 2014

ราเชล...น้องหมูออมสินแห่งตลาดไพค์

วันนี้เล่าเรื่องอะไรดีนะ. นินทาหมูดีกว่า ออกจะสนิทค่ะ...
ที่เมืองซีแอตเติ้ลในอเมริกา มีตลาดที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งชื่อ Pike Place Market เป็นตลาดที่ใครๆก็ไปเที่ยว เพราะเป็นตลาดขายปลาสดๆ มีการโยนปลากันสนุกสนาน รวมถึงขายของอื่นๆทั้งน่ากินไปจนถึงน่ารักน่าเอ็นดู ดอกไม้ก็สวยมากๆ ไม่แพงอึกต่างหาก แถมมีสตาร์บั๊คสาขาแรกของโลกอยู่แถวนั้นด้วย

ใครเดินเข้าตลาดจะเห็นน้องหมูออมสินตัวนึงเป็นหมูโลหะหล่อบรอนซ์ตัวใหญ่หนัก 250 กิโลกรัม น้องเค้าชื่อ ราเชล เป็นเหมือนมาสคอทแบบไม่เป็นทางการของที่นี่ ใครไปใครมาต้องแวะไปถ่ายรูปกับเธอ แล้วก็หยอดออมสินเพื่อสมทบทุนกิจกรรมสาธารณกุศลของตลาด จัดว่าเป็นหมูมีจิตสาธารณะ ปีๆนึงเธอหาทุนได้เยอะนะคะ ยอดรวมที่เธอหาได้นี่หลายล้านบาท เขาประมาณว่าปีนึงเธอหาเงินได้ประมาณ 6,000- 9,000 เหรียญเลยค่ะ แต่เธอก็อยู่มานานแล้วเนอะ มาตั้งแต่ปี 1986 ร่วมๆเกือบสามสิบปึแล้วเนี่ย



ราเชลมีตัวตนจริงๆด้วยนะคะ เป็นหมูที่ชนะการประกวด แล้วศิลปินผู้ปั้นราเชลนัองหมูออมสินก็เอาชื่อมาตั้งตามจะได้ดูดีเป็นระดับ นางงามหมูมีมงกุฏกันทีเดียว ราเชลตัวนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการเกิดกิจกรรมหาทุนชื่อ Pigs on parade โดยมีการขึ้นรูปน้องราเชลด้วยไฟเบอร์กลาส เป็นหมูมีสีสันต่างๆสดสวย 170 ตัวในปี 2001 เพื่อเอาไปวางโชว์ตามจุดต่างๆ และมีการจัดกิจกรรมซ้ำอีกครั้งในปี 2007 เที่ยวนี้เป็นหมู 100 ตัวเพื่อฉลองอายุตลาดร้อยปี กิจกรรมเค้าเท่เนอะ

ที่เก๋กว่านั้นคือ ถ้าเดินลงจากตลาดไปที่ริมน้ำย่านทีมีอควาเรี่ยม ที่ใกล้บันไดชั้นล่าง จะเดินผ่านน้องหมูอีกตัวหนึ่ง ตัวนี้เพิ่งมาในปี 2011 ค่ะ ชื่อน้องบิลลี่ เขามีป้ายแนะนำตัวไว้ด้วยว่า "ชื่อบิลลี่...เป็นญาติกับราเชล" 555 มากันทั้งครอบครัวเลย

ตัดฉากมาที่วลัยแลนด์ ถ้ามีน้องลูกวัวออมสินเป็นมาสคอทซักตัวก็ไม่เลวนะคะ ชื่อน้อง"วัววลัย" แล้วเราจัด Cows on parade วางเรียงรายกระจายกันไป มีจุดให้วางเยอะ... เก๋อะ

Tuesday, November 25, 2014

Of Circular field แปลงเกษตรวงกลม








วันนี้อ่านเรื่องราวในอินเทอร์เน็ต อ่านไปอ่านมาไปออกเรื่อง Crop Circle ปริศนาวงกลมลึกลับ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าถ่ายรูปแปลงเกษตรรูปวงกลมมาหลายรูประหว่างนั่งเครื่องบินในอเมริกา มองจากข้างบนดูสวยมาก บางแห่งดูเหมือน PACMAN บางที่ก็เหมือนกราฟ Pie งงเหมือนกันว่าทำไมเป็นแปลงวงกลมไม่ใช่แปลงรูปสี่เหลี่ยมแบบบ้านเรา ถามคนอเมริกัน เขาก็บอกว่าบ้านเขาทำแปลงแบบนี้แหละ 

กลับมาค้นดูถึงได้เจอว่าเขาใช้ระบบชลประทานที่เรียกว่า Center-pivot irrigation หรือ circle irrigation ป็นระบบสปริงเกอร์รดน้ำที่ต่อท่อยาวออกไป เวลารดน้ำก็สามารถใช้มอเตอร์ขับให้แขนสปริงเกอร์เคลื่อนที่กวาดเป็นวงกลมปั๊มน้ำออกไปให้แปลงพืช ทีแรกก็สงสัยว่าถ้าเป็นสปริงเกอร์หมุนจะทำแปลงใหญ่ๆได้ยังไง ปรากฏว่าด้วยดีไซน์ของเขาสามารถต่อแขนออกได้ยาวมาก ขนาดที่นิยมใช้ก็ยาวประมาณ 400 เมตร ( ¼ ไมล์)  ระบบนี้ประดิษฐ์ขึ้นในอเมริกาตั้งแต่ 50 กว่าปีที่แล้ว (แอบเชยอะเรา...ไม่เคยรู้มาก่อนเลย) และเป็นระบบที่ช่วยควบคุมในเรื่องการใช้น้ำและการอนุรักษ์น้ำอย่างได้ผลค่ะ มีใช้กันทั่วไปในอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และตะวันออกกลาง
http://en.wikipedia.org/wiki/Center_pivot_irrigation

Wednesday, August 27, 2014

CU CHORUS

เช้านี้เห็นประกาศรับสมัคร CU CHORUS AUDITION 2014 เป็นกิจกรรมเปิดรับนักร้องและนักเปียโนเข้าชมรมประจำปี ตามลิงก์เข้าไปดูด้วยความสนใจว่าสมัยนี้เขารับสมัครกันยังไง พบว่าเป็นไปตามยุคสมัยคือ ประกาศรับทาง FB ทางเว็บไซต์ ให้เข้าไปสมัครออนไลน์ในเว็บของชมรม ที่น่าเอ็นดูคือขั้นตอนการสมัคร

เมื่อคลิกสมัครจะไปที่หน้า “ขั้นตอนที่ 1 รับทราบข้อตกลง” เพื่อทำความเข้าใจว่าเข้าชมรมมาแล้วต้องซ้อมสม่ำเสมอนะจ๊ะ จะไม่ได้ออกแสดงจนกว่าจะฝึก Voice Training เป็นเวลาหนึ่งปีไม่ว่าจะมีพื้นฐานทางดนตรีหรือการขับร้องมาหรือไม่ และจะมีภาระผูกพันที่จะต้องขับร้องประสานเสียงในงานปฐมนิเทศและพิธีพระราชทานปริญญาบัตรอย่างน้อยงานละหนึ่งครั้ง (ดีนะ รู้กันไปเลยว่าต้องทำอะไร จะได้ไม่มาเล่นๆ)

“ขั้นตอนที่ 2 วิธีการกรอกใบสมัคร” จะให้รายละเอียดว่าต้องคัดเสียงวันไหน ไปที่ไหน การติดต่อทำยังไง (ออกแบบดีนะคะ ให้รายละเอียดครบถ้วน)

“ขั้นตอนที่ 3 สมัครคัดเสียง (ผ่านอินเตอร์เน็ท)” ให้กรอกรายละเอียด และเลือกวันคัดเสียง จากนั้นก็คลิกสมัครไป เข้าใจว่าจะได้อีเมลตอบกลับหลังจากนั้นเป็นการยืนยัน
ชอบมากๆที่เขาใช้สื่อสารออนไลน์ให้ข้อมูลกันได้แบบนี้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เวลาน้องๆไม่เข้าใจก็ต้องวิ่งไปถามรุ่นพี่กัน แล้วก็ไปกันแบบงงๆๆ ไม่ค่อยรู้อะไรแบบสมัยนี้ ทีแรกเห็นคำว่า “สมัครคัดเสียง (ผ่านอินเตอร์เน็ท)” ยังคิดว่า โห ใช้การอัดเสียงตามตัวโน้ตส่งออนไลน์ไปเลย ไม่ต้องไปคัดเสียงต่อหน้ากันจริงๆ คิดว่าไปอีกระดับแล้ว (จริงๆเดี๋ยวนี้จะร้องประสานเสียงร่วมกันผ่านอินเทอร์เน็ตก็ทำได้นะ) แต่ก็เปล่าหรอกนะ วิธีการคัดเสียงยังเหมือนเดิม 

ก็เลยนึกถึงสมัยก่อนโน้นนนนนนน....

เมื่อหลายสิบปีก่อน...นานไปนะ...เอาใหม่...

เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เพิ่งเข้าเป็นนิสิตปีหนึ่ง ทุกคนจะพยายามหาชมรมที่ตัวเองชอบ เพื่อจะได้มีกลุ่มเพื่อนและได้ฝึกฝนในสิ่งที่ชอบเหมือนๆกัน ตอนนั้นอยากเข้าชมรมนักร้องประสานเสียง สจม. ที่เรียกกันย่อๆว่า CU Chorus ก็ทำเหมือนที่เด็กปีหนึ่งปีนี้ทำก็คือเข้ากระบวนการสมัคร จากนั้นเข้าคัดเสียงตามวันที่กำหนด เมื่อได้รับการประกาศชื่อรับเข้าชมรมและกำหนดกลุ่มเสียงแล้วก็เข้ามาฝึกร้องเพลงด้วยกันตามตารางที่กำหนด ปกติคือ 5 โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม ปีนั้นเข้าไปเป็นโซปราโน รุ่น 12

การร้องเพลงประสานเสียงเป็นการร้องเพลงร่วมกันเพื่อเป็นพลังแห่งการประสาน ไม่มีใครโดดเด่นออกมา ไม่ว่าใครจะมีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ไปร้องเพลงเดี่ยวได้ดีแค่ไหน แต่เมื่อมาร้องเพลงร่วมกัน เสียงจะต้องไม่กระโดด ทุกคนต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน เป็นการฝึกการทำงานเป็นทีมได้ดีมากๆ วันที่มีซ้อมจะรีบไปให้เร็วก่อนเวลาเพื่อจะไปนั่งเม้าท์มอยและร้องเพลงอื่นกับเพื่อนๆ ปกติคนในชมรมนอกจากจะชอบร้องเพลงและร้องเพลงได้ดีกันทุกคน แต่ละคนมักจะเล่นดนตรีได้อย่างน้อยก็ชิ้นสองชิ้น คนนึงเล่นเปียโน คนนึงเล่น ไวโอลิน อีกคนเอาฟลูตมาเป่า อีกสองสามคนเล่นกีต้าร์ แล้วก็ร้องเพลงด้วยกัน บรรยากาศสุนทรีย์เป็นอย่างมาก ที่ดีมากๆอีกอย่างหนึ่งที่ชมรมอื่นไม่ค่อยมีคือห้องแอร์ ชมรมนี้จะต้องอยู่ในห้องแอร์และเก็บเสียงเพื่อไม่ให้ไปรบกวนภายนอก ทุกคนก็เลยชอบมาชมรม และชมรมนี้ตั้งอยู่บนชั้นสามของสนามจุ๊บ(สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์) โดยมีม่านปิดไว้ ถ้าเราอยากได้บรรยากาศเขียวๆก็เปิดม่าน จะได้อารมณ์สนามกีฬาแทน

CU Chorus ก็เหมือนทุกชมรมที่แรกๆจะมีคนอยากเข้าจำนวนมาก แต่เมื่ออยู่ไปนานๆด้วยภาระการเรียนและการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้คนในชมรมเริ่มร่อยหรอ การมาซ้อมไม่สม่ำเสมอ เมื่อจะทำการแสดงบางครั้งจะหานักร้องได้ไม่ครบจำนวน เพราะเราร้องเพลงประสานเสียงไม่ได้ร้องเดี่ยว จำเป็นต้องมีคนครบทุกกลุ่มเสียงในจำนวนที่มากพอ อย่างเช่นบางงานเราต้องการคนประมาณ 70 คน ต้องระดมกันมาทั้งหมดถึงจะครบโดยไม่รวมน้องปีหนึ่ง เพราะปีหนึ่งจะต้องซ้อมทั้งปี ไม่สามารถออกแสดงได้ จำได้ว่างานแรกที่ได้แสดงคืองานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ปีถัดมา นอกนั้นก็จะมีงานแสดงในงานรับพระราชทานปริญญาบัตร งานออกรายการพิเศษทางทีวี งานแสดงหน้าพระที่นั่งในวัง งานอัดเพลงประกอบภาพยนตร์ งานร้องเพลงต้นแบบของเพลงประสานเสียงที่ใช้ในงานซีเกมส์ ฯลฯ จะแสดงแต่ละครั้งต้องวิ่งหาคนกันจ้าละหวั่น เพราะต้องซ้อมล่วงหน้านานและสม่ำเสมอ บางครั้งรุ่นพี่ก็ต้องมาช่วย

CU Chorus เป็นชมรมหลักที่เข้าร่วมตลอดเวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัย จนจบออกไป ไม่ค่อยได้เจอกับพี่ๆเพื่อนๆในชมรม แต่ดีใจที่เห็นชมรมยังคงก้าวหน้าต่อไปและมีน้องๆรุ่นต่อไปมาสืบสานเจตนารมณ์ค่ะ






Thursday, August 14, 2014

ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น

ซีรี่ส์เรื่องนี้ถ้าจะไม่พูดถึงคงไม่ได้แล้ว เพราะความสำเร็จของซีรี่ส์เรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดถึงการตอบรับของผู้ชมมากมาย ทั้งๆที่เป็นหนังที่ฉายในช่องเคเบิล  เวลาจะดูบางคนต้องตามดูการฉายจากอินเทอร์เน็ต คนที่พลาดก็มาหาดูใน You Tube หรือเว็บอื่นๆที่มี



เรื่องนี้เป็นเรื่องของนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนนาดาวบางกอก มีเรื่องราวของนักเรียนที่น่าสนใจและสะท้อนสภาพวัยรุ่นยุคปัจจุบันได้อย่างเข้าใจ ตอนนี้เป็นซีรี่ส์ season 2 แล้ว มีตัวละครเพิ่มขึ้นและน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ

เดี๋ยวค่อยมาบันทึกต่อว่าเรามีความประทับใจยังไงกับเรื่องนี้บ้าง

ลงมาถึงตัวละครแต่ละตัวกันดีกว่า

1. ของขวัญ เป็นเด็กดี เด็กเก่ง หัวหน้าห้อง เดิมสนิทกับสไปร์ทแล้วรับไม่ได้กับพฤติกรรมของสไปร์ท เลิกคบกันไป ต่อมาของขวัญเจอมรสุมชีวิตเมื่อวินจงใจทำให้ของขวัญทราบว่าจริงๆแล้ว แม่ของตัวเองเป็นเมียน้อย ของขวัญเสียศูนย์ไปพักนึง มีปัญหากับครอบครัวจนถึงขั้นขาดความมั่นใจ ลอกข้อสอบในห้องและถูกจับได้ ของขวัญไปหาสไปร์ทเพื่อหาที่พึ่ง ในที่สุดเมื่อปัญหาถูกแก้ไขโดยการที่ครอบครัวของแม่ใหญ่ยอมรับของขวัญ ชีวิตก็กลับมาสู่ความปกติอีกครั้ง  ใน season 1 ของขวัญเริ่มใกล้ชิดกับหมอกผ่านกิจกรรมถ่ายรูปลงหนังสือโรงเรียน
2. วิน เป็นแบบลูกคนรวย ที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่แคร์ใคร วินมีความสัมพันธฺฉาบฉวยกับผู้หญิงหลายคน รวมถึงสไปร์ท ซึ่งไผ่เห็นความสัมพันธ์นี้มาตั้งแต่ต้น
3. เต้ย
4. ต้า
5. ดาว
6. สไปร์ท
7. ไผ่
8. หมอก หนุ่มติสต์ นิ่ง รักการถ่ายภาพ  แอบชอบขวัญ และเป็นแฟนกันในซีซั่น 2
9. ภู
10. ธีร์
11. ขนมปัง เพิ่งเข้ามาในซีซั่นที่ 2 เป็นน้องสาวของป๊อป และเป็นแฟนของต้า 
12. ออย  เพื่อนของขนมปัง


Saturday, July 19, 2014

MH 17... Malaysian Airlines again

เพิ่งบันทึกเรื่อง MH 370 ไปไม่นานนี่เอง วันนี้ต้องมาบันทึกเรื่องของ MH 17 ของสายการบินมาเลเซียนแอร์ไลน์อีกแล้ว สายการบินนี้ต้องมีอะไรแน่ๆทีเดียว ไม่น่าเชื่อมากๆที่มาเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินติดต่อกันได้ขนาดนี้

MH 17 (Boeing 777-200ER) เที่ยวนี้บินจาก Amsterdam ไป KL วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2557 เวลา 12.15 น.(เวลา NL) มีคนบนเครื่อง 298 คน เครื่องบินตกที่เมือง  Grabovo     ทุกคนเสียชีวิต จุดสุดท้ายที่ติดต่อเครื่องบินได้อยู่ที่ชายแดนตะวันอออกของยูเครน ข้อสันนิษฐานคือเครื่องบินถูกขีปนาวุธยิง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝ่ายกบฏยูเครนที่โปรฝ่ายรัสเซีย

ผู้เสียชีวิตเป็นชาวเนเธอร์แลนด์ 189 คน มาเลเซีย 44 คน (รวมลูกเรือ 15 คน) ชาวออสเตรเลีย 27 คน ชาวอินโดนีเซีย 12 คนและชาวอังกฤษอีก 9 คน (ใน Update ของ ฺฺBBC ขึ้นเป็น  Malaysia Airlines has listed the nationalities on board: 154 Dutch, 43 Malaysians, 27 Australians, 12 Indonesians, 9 Britons, 4 Germans, 4 Belgians, 3 Filipinos, 1 Canadian, and 41 people of unverified nationalities.)



ภาพของวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 แสดงให้เห็นว่าสายการบินต่างๆพยายามเลี่ยงยูเครนหลังจากเกิดกรณีเครื่องบินตก (ภาพจาก http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/europe/ukraine/10975524/Crashed-MH17-flight-was-300-miles-off-typical-course.html)

ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้จาก BBC http://www.bbc.com/news/world-europe-28357880



หนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ  Prof Joep Lange ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ AIDS และเคยเป็นประธานของ  the International Aids Society (IAS).เดินทางกับเที่ยวบินนี้เพื่อไปร่วมงาน AIDS 2014 conference ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
(http://www.bbc.com/news/health-28352365)



Wednesday, April 30, 2014

ไปเที่ยววังน้ำเขียวกันเถอะ

ไม่กี่ปีมานี้ วังน้ำเขียวกลายเป็นแหล่งที่พักผ่อนสุดฮิตไปอย่างไม่น่าเชื่อ  และไม่น่าเชื่อกว่านั้นที่ไม่เคยได้ไปเลย เป็นไปได้ยังไง

สัปดาห์ที่แล้วมีการดูงานที่กนุงเทพและที่โคราช ถือโอกาสค้างคืนที่เดอบัววัลเลย์ วังน้ำเขียว ที่พักสงบสบายสมกับที่ฮิตกัน

เช้าขึ้นมาได้ไปเที่ยวผาชมตะวัน ผาเก็บตะวัน วังน้ำเขียวฟาร์ม นี่ถ้ามีเวลามากกว่านี้คงได้เที่ยวมากกว่านี้ แอบเสียดาย











Saturday, April 19, 2014

บทเรียนของธนาคารออมสิน

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ได้เกิดปรากฏการณ์ประชาชนทั่วประเทศทุกจังหวัดแห่กันไปถอนเงินจากธนาคารออมสิน โดยมียอดถอนเงินประมาณ 30,000 ล้านบาทในขณะที่มียอดเงินฝากประมาณ 10,000 ล้านบาท 
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ยังคงมีการถอนเงินอย่างต่อเนื่องโดยในวันที่สองมียอดถอนเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 การถอนเงินยังดำเนินการต่อเป็นวันที่ 3

สาเหตุของเหตุการณ์นี้มาจากการที่ธนาคารออมสินได้อนุมัติเงินกู้ระหว่างธนาคารรัฐ (อินเตอร์แบงก์) ให้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมีข่าวว่า ธ.ก.ส.จะนำไปใช้จ่ายชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ ธ.ก.ส.จะนำไปให้ชาวนากู้เงิน แต่การที่ธนาคารออมสินให้เงินธ.ก.ส. เหมือนกันเป็นการสนับสนุนให้รัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวนาโดยวิธีการนำเงินของธนาคารไปให้ชาวนากู้แทนที่จะไปขายข้าวเพื่อนำเงินมาให้ชาวนาอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งธนาคารไม่ควรเข้าไปโอบอุ้มรัฐบาลที่โกงเงินจำนำข้าวของชาวนาในลักษณะนี้

การที่ธนาคารออมสินให้เงินกู้ไป มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้เงินกลับมา ผู้ฝากเงินกับธนาคารส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นความเสี่ยงที่ธนาคารบริหารเงินผิดพลาด จึงรีบมาถอนเงิน ในขณะที่มีผู้ฝากจำนวนมากที่ไม่ได้มีเหตุผลเรื่องความเสี่ยงในการสูญหายของเงิน แต่มีความเห็นว่าธนาคารดูถูกลูกค้าโดยการบริหารงานในรูปแบบที่ประชาชนรับไม่ได้

หลังจากการถอนเงินจำนวนมหาศาลในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการธนาคารออมสินประชุมร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน ได้ข้อสรุป 3 ข้อ คือ 

1.คณะกรรมการให้ยกเลิกการเปิดวงเงินกู้(เครดิตไลน์) ในการกู้ระหว่างธนาคาร (อินเตอร์แบงก์) จำนวน 2 หมื่นล้านบาทให้แก่ ธ.ก.ส. 
2. ธนาคารออมสินขอเรียกเงินกู้ที่ได้อนุมัติไปแล้วจำนวน5,000 ล้านบาท คืนจาก ธ.ก.ส. โดยเร็วที่สุด คาดว่า จะมีหนังสือถึง ธ.ก.ส. ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.) 
3. ธนาคารออมสิน ขอให้ ธ.ก.ส. ชี้แจงว่า การขอกู้ผ่านอินเตอร์แบงก์ในครั้งนี้ เป็นการกู้เสริมสภาพคล่องหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นเนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 57 ธ.ก.ส.ได้ทำหนังสือถึงธนาคารออมสินเพื่อขอกู้เงินเสริมสภาพคล่อง ซึ่งธนาคารมีหนังสือฉบับนั้นเป็นหลักฐาน พร้อมทั้งมีการบันทึกการหารือทางโทรศัพท์ไว้ด้วย

ในวันที่ 18 ก.พ. หลังจากการชี้แจงคณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร วุฒิสภา นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เดินทางกลับไปยังธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่เรียกประชุมบอร์ดและพนักงานธนาคาร ทั้งนี้ แม้นายวรวิทย์จะชี้แจงถึงการปล่อยกู้แก่พนักงานแล้ว แต่พนักงานธนาคารออมสินต่างไม่ยอมรับเหตุผลและยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารและบอร์ด ในเมื่อสร้างความเสียหายให้แก่ธนาคาร ก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ และไม่อยากให้คนภายนอกมองว่าเป็นธนาคารออมสินเป็นธนาคารเสื้อแดง




http://bit.ly/1ckLQAs
 http://bit.ly/1jzXadG

Friday, April 18, 2014

เดินป่า

กำลังพยายามทบทวนว่าตัวเองได้เคยเดินป่ากับเขาจริงๆสักกี่ครั้ง แต่ละครั้งมีประสบการณ์อย่างไร
ุ่
ย้อยหลังไปไกลสุด ตอนเด็กๆ ช่วง ม.ต้น โรงเรียนพาไปเข้าค่ายเนตรนารีที่โรงเรียนบ้านพรรั้ง กลางคืนมีการออกไปเดินรอบค่ายมีด่านต่างๆ เช่นเดินข้ามน้ำ เดินบนสะพานเชือก กว่าจะกลับมาค่ายก็เหนื่อย แต่เข้าใจว่าไม่ได้อันตรายอะไร เขาคงเซฟไว้ประมาณหนึ่ง พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันเดินทางไกลขึ้นเขาด้านหลังโรงเรียน เดินไปจามทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ตอนนั้นคงเหนื่อยน่าดู แต่กลับมาดูพื้นที่ทีหลังก็รู้สึกว่าไม่ได้หนักหนาอะไร จำได้ว่าข้าวเที่ยงเป็นข้าวกับปลากระป๋องและไข่ต้ม นั่งดูวิวจากบนเขา พื้นที่นั่งเป็นหินบริเวณกว้าง เป็นทริปที่ชอบทริปหนึ่ง


ทริปเดินป่าถัดไปเป็นทริปขึ้นภูกระดึงตอน ม.ุ6ไปกับเพื่อนๆโรงเรียนช่วงเดือนตุลาคม มีอาจารย์ผู้ชายที่สอนกีฬาพาไป  เรานั่งระไปลงที่ผานกเค้าแล้วเริ่มเดินขึ้นเขา  จุดแรกที่พักคือซำแฮ่ก  แฮ่กจริงๆ กว่าจะเดินขึ้นถึงหลังแปที่เป็นบริเวณพื้นราบบนเขาก็ตกบ่าย เราได้พักที่บ้านพักหยาดน้ำค้างรึอะไรซักอย่างชื่อแบบนี้  อากาศหนาวมาก ข้างบนมีร้านค้า มีเต้นท์นอนเรียงเป็นแถว มีความรู้สึกว่าคนมาก แต่ถ้าเทียบกับสมัยนี้คงถือว่าน้อย  จำได้ว่าเดินเกาะกลุ่มกันเวลาไปดูดวงอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก  ตอนเช้าก็ไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น  บนภูกระดึงมีขุดชมวิวที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูปกับชะง่อนผาและต้นสน รูปออกมาจะสวยมาก  แต่ตอนเดินไปถ่ายรูปก็เสียวเหมือนกัน  ทริปนั้นเป็นทริปที่ได้เพื่อนใหม่มาด้วยชื่อ พี่เป็ด

ทริปต่อมาเป็นทริปเขาหลวง เดือนเมษายน 2000 เหตุที่ไปเพราะมาอยู่ที่นครศรีธรรมราชก็สมควรไปขึ้นเขาที่สูงที่สุดของภาคใต้ โชคดีที่มีทีมจะขึ้นไปก็ขอตามเขาไปด้วย ทริปนี้มีประมาณสิบกว่าคนรวมสมาชิกวลันลักษณ์กับโรงพยาบาลท่าศาลา มีหนุ่ยธีรพันธ์นำทีมไป  เพื่อนๆที่ไปด้วยมี อ. โอ๊บ พี่ต่าย หลานพี่ต่าย พี่เอ จิตติมา น้อง อภิรยา ฉิมศูนย์บรรณ เป็นต้น ขาขึ้นเริ่มตอนเย็น ไปแวะกินข้าวที่ศาลาแถวน้ำตกวังไม้ปัก  แล้วเดินขึ้นเขาไปค้างที่ขนำสุดท้าย ออกเดินทางประมาณหนึ่งทุ่ม ประมาณสองทุ่มเศษก็ได้พักนอน ตอนเช้า ลุกขึ้น กินอาหารเช้าเสร็จก็เดินขึ้นเขา  กว่าจะถึงยอดเขาก็เย็นๆ กลางคืนนอนเต๊นท์คิดว่าจะหนาวมาก แต่ก็ไม่หนาว  ตอนเช้าตื่นขึ้นมา ถ้าจะดูวิวต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปดู ขากลับน่ากลัวกว่าขาขึ้น เพราะทางชัน เดินจนขาแพลง โชคดีว่ามีน้องอภิรยาเป็นอาจารย์พยาบาลก็ช่วยพันหัวเข่าให้ ต้องใช้ไม้เท้าเดิน ยิ่งช่วงผ่านน้ำตกยิ่งน่ากลัว ตอนจาขึ้นมามองไม่เห็นทาง เดินตามเขาเรื่อยๆ แต่ขาลงมองเห็นว่าทางน่ากลัว ถ้าพลาดมีเจ็บ ก็เลยต้องระวังมาก ช่วงสองกิโลสุดท้าย รถมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปรับได้ ไม่งั้นคงอาการปนักกว่านี้  ลงมาแล้วเมื่อยตัวไปอีกอาทิตย์นึง


ทริปน้ำตกกรุงชิง จำไม่ได้ว่าไปช่วงปีไหน แต่น่าจะประมาณ 2541-2544 เป็นความพยายามที่จะไปให้ถึงน้ำตกหนานแสนห่าที่อยู่ในแบงค์พัน รถจะเข้าไปได้ถึงที่ทำการอุทยาน จากนั้นจะมีเทรลทางเดินซิเมนต์ไปสองกิโล ถัดจากนั้นอีกสองกิโลจะเป็นทางดิน ไปถึงบริเวณน้ำตก ตัวน้ำตกจะอยู่ด้านล่าง ต้องปีนลงไปอีก มีลวดสลิงให้เหนี่ยวตัวเดินลงไป  น้ำตกสวยสมที่ตั้งใจที่มา  ได้เล่นน้ำตกพอหายเหนื่อยแล้วก็กลับมาเหนื่อยต่ออีกชั่วโมงกว่าเพื่อเดินกลับ ที่กรุงชิงจะเป็นเส้นทางเดินป่าที่มาเดินบ่อยที่สุด มีไม้ใบไม่ดอก ให้ดูระหว่างทาง เช่นเคยไปเดินดูกล้วยไม้กินซาก  ดูกล้วยไม้วิลาสินี ดูดอกเอื้องพร้าว ดอกกระทือ ดอกปุด ฯลฯ  เป็นป่าที่สมบูรณ์ดี  แต่เหตุผลหลักที่ไปมักจะเป็นการไปดูนก มีนกดีๆมากทีเดียว เช่น นกปากกบพันธ์ชวา นกปากกว้างเล็ก นกเขียวปากงุ้ม นกเขนน้ำคิ้วขาว ฯลฯ

ทริปทุ่งใหญ่นเรศวร

ทริปดอยอินทนนท์ เดินแอ่งแม่กา แล้วไปเดิน กิ่วแม่ปาน

ทริปเขานัน

ทริปเขารามโรม

ทริปแก่งกระจาน เข้าบ้านกร่าง

ทริปเขานอจู้จี้ เทรล C, D สระมรกต

เยอะเนอะ ว่างๆค่อยมาใส่ข้อมูลเพิ่ม ทีละนิดๆ


สมุดบันทึกการดูนก

สองสามวันก่อนเจอสมุดบันทึกการดูนกของตัวเองที่เริ่มเขียนตั้งแต่ปลายปีปี 2545 มาหยุดบันทึกประมาณปี 2551 เพราะไม่ได้มีทริปเดินป่าดูนกเป็นประจำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว


ในบันทึกระบุว่ามีนกที่ได้ดู 235 ชนิด (ไม่รวมนกที่ดูในออสเตรเลียอีก 62 ชนิดที่มีสมุดบันทึกต่างหาก) แหล่งดูนกที่ไปมีตั้งแต่ทุ่งใหญ่นเรศวร แก่งกระจาน  ดอยอินทนนท์ เขานอจู้จี้กระบี่ ทะเลน้อยพัทลุง ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง วัดเฉลิมพระเกียรติ กทม. แต่เนื่องจากอยู่ในพื้นที่นครศรีธรรมราช แหล่งดูนกประจำจะอยู่ที่กรุงชิง เขานัน

นกทั้งหลายที่ดู ต้องตามคนที่เขา iden เก่งๆ เพราะส่วนตัวบางครั้งไม่สามารถ iden ได้ทันที และนกจะขยับตัวบินอยู่บ่อยๆ ดูยาก นอกจากนกที่คุ้นๆ นอกนั้นต้องอาศัยคนชั้ชวนให้ดู  :)

Bird Guild  ที่ใช้ก็เป็นเล่มของ Craig Ronson " A field guide to the Bird of Thailand" เพราะช่วงที่ซื้อหนังสือ (Nov 2002) หนังสือของหมอบุญส่งไม่มีวางขาย และมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์จึงไม่มีการพิมพ์ซ้ำ  จากนั้นก็ได้ซื้อเล่มของหมอบุญส่ง และหลังจากนั้นต่อมาอีกระยะหนึ่ง หนังสือของหมอบุญส่งจึงมีวางขายทั่วไปอีกครั้ง





เวลาดูนกก็จะวงในหนังสือเอาไว้แบบนี้ ถ้าดูได้จนหมดหน้าหนึ่งก็เรียกว่าได้ปิดเพจไป :)