Tuesday, December 03, 2013

สารคดี BBC

สารคดีของ BBC เป็นสารคดีที่ติดตามอยู่เสมอ ความที่ให้ข้อมูลชัดเจน น่าสนใจและนำเสนอเรื่องราวที่น่ารู้ ดูตั้งแต่สารคดีชีวิตสัตว์โลกพวก Planer Earth , Blue Planet , Walking with the dinosaurs

สองสามวันนี้ได้ดูสารคดีชุด The Story of Maths ดูแล้วรักวิชาคณิตศาสตร์ขึ้นอีกมากค่ะ  ถ้าตอนที่เราเรียนคณิตศาสตร์ยากๆ แล้วได้เห็นการนำไปใช้จริงๆแบบนี้ก็น่าจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้น เช่นตอนนี้ดูถึงเรื่องสมการควอดราติก  สมัยเรียนสามารถแก้สมการได้จริงด้วย solution ที่ท่องวิธีมาเป็นอย่างดี แต่จะให้มาคิดประยุกต์ คิดไม่ออก แต่เมื่อมาดูสารดีชุดนี้ มันเข้าใจทะลุมากขึ้นอีกมาก

ก็เลยคิดว่าจะมาเก็บลิงก์สารคดีที่น่าสนใจเอาไว้ค่ะ

1. The Story of Maths http://www.youtube.com/watch?v=8NAyogODLow oujgx
2. History of Mathematics in 50 minutes  http://www.youtube.com/watch?v=YsEcpS-hyXw
3. General Overview and the Development of Numbers StanfordUniversity StanfordUniversity            
    http://www.youtube.com/watch?v=pk49iM9OT_0  คลิปนี้ชอบการอธิบายช่วงนาทีที่ 25 ที่บอกว่าเรานำคณิตศาสตร์ไปใช้ในรูปแบบใดบ้าง  จริงซินะ เราไม่เคยมองในลักษณะที่เป็น pattern เลย มองแบบนี้เราจะมองออกว่าาคณิตศาสตร์แต่ละส่วนเอาไปแก้ไขปัญหาอะไร
4. Life by the Numbers | It's Okay to be Smart | PBS Digital Studios http://www.youtube.com/watch?v=fWc46NCnldo


Saturday, November 30, 2013

ราคาของโทรศัพท์มือถือ...ที่ลดลงมา

บ่ายนี้เพิ่งไปซื้อโทรศัพท์มือถือมาเครื่องหนึ่งจากโลตัส เป็นเครื่องสีฟ้าน่าเอ็นดู รุ่น Nokia 100 โดยซื้อมาในราคา 790 บาท ย้ำ 790 บาท ทำให้ตัวเองต้องหวนนึกไปถึงโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่ใช้ในช่วงปี 1996 -97  ตอนนั้นเป็นรุ่น Philip Boss ราคาสี่หมื่นกว่าบาท  จากนั้นย้ายที่ทำงานลงมาภาคใต้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เป็นรุ่นยอดนิยมที่ทุกคนใช้เสมือนบริษัทซื้อแจกให้ใช้ คือรุ่น Nokia 3310 สีเงิน ราคา 9,900 บาท

ราคามือถือยังคงมีรุ่นแพงขึ้นมาตลอดเวลาเพราะจะมีฟังก์ชั่นใหม่ๆมาตลอด โดยเครื่องราคาถูกก็มีแต่จะเป็นยี่ห้อโนเนม มือถือรุ่นถัดมาของตัวเอง ก็เป็น Nokia 7210 หรืออะไรซักอย่างรุ่นกลางๆไม่กี่พัน ก็ยังถือว่าราคาสูง แล้วเปลี่ยนมาใช้ของ Samsung พักหนึ่ง ก่อนจะเข้าสู่ยุคของ Smart phone ก็มาใช้ BB 9780 ใช้ทนดีแต่มาเจอ iPhone ที่หน้าจอใหญ่กว่า application มากกว่า จน BB เพิ่งหน้าจอเสียสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เปลี่ยนไปใช้ iPhone ซึ่งมีอยู่ในบ้านอีกเครื่องใช้เบอร์โทรใหม่ แต่จำเป็นต้องใช้หมายเลขเดิมก็เลยต้องหาซื้อโทรศัพท์ใหม่เอาใช้รับสาย



เมื่อวันที่ 16/11/2556 ที่ผ่านมาก็เลยไปซื้อ iMobile ZAA10 ราคา 2,200 บาท ราคาถูกมากถ้าเทียบว่าเป็น smart phone แต่ในที่สุดก็พบว่า มิน่า ราคาถึงถูกเพราะเจอเครื่องที่ทำงานไม่ดีเลย ปุ่มกดกดตัวเองซ้ำๆขึ้นมาเฉยๆ ทนใช้งานไม่ได้ วันนี้ก็เลยไปซื้อเครื่องชนิดฟังก์ชั่นน้อยๆ ทนๆ ก็ได้เครื่อง Nokia 100 มาในราคา 790 บาท เป็นของใหม่ผลิตต้นปี 2556 เป็นสินค้า made in china เปรียบเทียบกับเครื่องแรกที่ซื้อซิคะ เอาเป็นว่าคิดที่ราคาสี่หมื่นบาท




แค่ช็อคกับราคาสินค้าโทรศัพท์เมื่อเวลาผ่านไปสิบกว่าปี ราคาลดลงถึง 98%.  เห็นตัวเลขแล้ว ช็อคค่ะ ช็อค




18 กันยายน 2562

เพิ่มเติมต่อไปว่า ช่วงปี 2017 ใช้มือถือ Samsung J7 Prime เป็นมือถือที่ดี ราคาไม่แพง พอมาปี 2018 ก็ซื้อมือถือใหม่เป็น Huawei P20 เพราะชอบที่ใช้เลนส์ไลก้า  ตอนนี้ถ่ายรูปออกมาสวยเชียวค่ะ โดยเฉพาะรูป Portrait

Monday, November 25, 2013

น้ำท่วม พฤศจิกายน 2556

ปีนี้คิดว่าจะไม่เจอน้ำท่วมหนัก เจอเข้าจนได้ หลังจากได้ยินข่าวพายุไห่เยี่ยนเข้าฟิลิปปินส์ได้ไม่นาน ภาคใต้ก็เจอพายุเข้า ฝนตกหนักหลายวันต่อเนื่องจนน้ำท่วม  และมีลมหมุนในบางจุดทำลายบ้านเรือนประชาชนหลายหลัง ค่อนข้างหนักหนาถึงจะไม่เท่าน้ำท่วมปี 2554

ที่เริ่มหนักคือเย็นวันที่ 22 พ.ย. 2556 วันนี้ตอนเช้าแอบไปเมียงมองที่สนามบินพักนึงก่อนจะกลับมาประชุมที่สำนักก่อนเที่ยง บ่ายสอบสัมมนานักศึกษายันเย็น ตอนค่ำหนีฝนแมวๆหมาๆกลับบ้านแทบไม่ทัน  ที่วลัยลักษณ์ ช่วงหกโมงเกือบครึ่งที่อาคารวิชาการ 3 น้ำท่วม covered walkway แล้ว ลานจอดรถระหว่าง C3 - C4 น้ำท่วมถนนระหว่างตึกแล้วเหลือเฉพาะบริเวณที่จอดรถยังพอเดินได้ ทางออกจากอาคารน้ำท่วมขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าออกมาช้ากว่านี้อาจจะมองขอบถนนขาวแดงไม่เห็นนะคะ ระวังด้วย ทางออกจากวงเวียนมาถึงป้าย Walailak ที่ทะเลสาบน้ำท่วมเลนซ้าย ต้องขับชิดขวาตลอด ฝนก็ยังตกหนักมาก

Update status 23/11/2556 ใน มวล. วันนี้ฝนตกๆหยุดๆตั้งแต่เช้า เข้าไปในมอ จะไปศูนย์กีฬา รถจอดยาวริมถนนตั้งแต่ก่อนถึงศูนย์กีฬา มีตำรวจมากมาย เลยช่วงประตูเข้าศูนย์กีฬา รถจะจอดเต็มสองฟากไปจนถึงแยกเชื่อมไปถนนเส้นตุมปัง ขับเข้าไปแล้วต้องไปวน วนแล้วกลับมาใหม่เจอเยอะกว่าเดิม ฝนก็ตก ก็เลยปล่อยไป 

ไปดูสถานการณ์น้ำในมหาวิทยาลัย เป็นน้ำท่วมขังพอประมาณ แต่ไม่ได้หนักมากเพราะน้ำลดลงเยอะ มองไปทางหน้าโรงอาหารกิจกรรม แถวหน้า ATM มีน้ำขังบ้าง ทาง 7-11 ไม่มีปัญหา อาคารเรียนรวมไม่มีน้ำขัง อาคารวิชาการแถบวิชาการ 3 มีน้ำท่วมทางเข้า ใต้สะพานอาคารบริหารปิดทางถนน มีน้ำขัง โดยภาพรวมไม่มีปัญหาอะไรขั้นวิกฤต

 ริมทะเลสาบทางเข้ามอ น้ำท่วมหลากตามปกติ เก๋งจีนริมทะ้ลสาบยังไม่จมน้ำ  เส้นทางจากมอไปป้ายปากทางถนนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไร (ยกเว้นเมื่อตอนเช้าประมาณแปดโมงเช้า บริเวณหน้าร้านบ้านเบอรี่จะมีตำรวจตั้งด่านตรวจก่อนเข้ามอ แต่ผ่านอีกครั้งช่วงสิบโมงเศษก็ไม่มีแล้วค่ะ) น้ำท่วมทุ่งเต็มพื้นที่ตามปกติ 



 23/11/2556 ราวแปดโมงเช้าอาศัยช่วงเวลาฝนหยุดไปซื้อกับข้าวที่ตลาด คุยกับพ่อค้าปลาได้ความว่าเมื่อวานช่วงเย็นมีลมหมุนเข้าท่าศาลา บ้านคนที่ลมผ่านหลังคาเปิดกันไปหลายหลัง ที่หนักมากก็คือร้านชาวเล ตัวเขาเองเมื่อวานก็ค้างที่ตลาด เจอไฟดับเมื่อคืนสองสามชั่วโมงด้วย ความที่เป็นลูกค้าร้านชาวเลมานาน ก็เลยขับรถเข้าไปดูเห็นแล้วใจเสียแทนเลยค่ะ ตัวร้านพังลงมาทั้งร้าน ได้คุยกับน้องเจ้าของร้าน บอกว่าเสียใจด้วย น้องเขาเข้มแข็งมาก วางแผนจะซ่อมแซมร้าน แต่คงให้หมดช่วงฝนก่อน น่าจะหลังปีใหม่ น้องเขาบอกว่าลมหมุนเข้ามาประมาณห้าโมงเย็น มีลูุกค้าในร้านสองสามคน โชคดีที่ทั้งลูกค้าทั้งคนในร้านหลบออกมาทันไม่มีใครเป็นอะไร ลูกค้าร้านชาวเลช่วยกันส่งกำลังใจด้วยนะคะ ตัวเองตั้งใจว่าตอนนี้ช่วยอะไรไม่ได้ แต่จะรอไปอุดหนุนเมื่อร้านเปิดอีกครั้งเป็นการต้อนรับค่ะ

จุดอื่นๆของท่าศาลาไม่มีน้ำขัง คลองฆ่าสัตว์น้ำเต็มปริ่มแต่ไม่ท่วม โรงพยาบาลท่าศาลาด้านหน้าไม่มีร่องรอยน้ำท่วม  ที่เกาะกลางถนนที่สี่แยกผู้ใหญ่ปลื้ม (เอ๊ะ ผู้ใหญ่รึกำนันนะ ไม่ค่อยมั่นใจ ถ้าลดตำแหน่งไปขอโทษนะคะ) เข้าใจว่าต้นไม้ล้ม เห็นมีรถสีส้มๆคงเป็นเจ้าหน้าที่ไปดูแลแล้วค่ะ ถนนเข้า มวล ไม่มีน้ำขัง ยกเว้นขอบทางบางจุดที่น้ำไม่มีทางระบายจะมีน้ำที่ขอบทางบ้าง แถวหน้าร้านบรรเจิด หน้า 7-11 เวลาขับรถยนต์บางช่วงผ่านน้ำขังระวังกระเซ็นไปโดนรถมอเตอร์ไซต์ด้วย






24 พฤศจิกายน 2556 ถนนทุกสายสู่ราชดำเนิน

สืบเนื่องจากม็อบต้าน พรบ. นิรโทษกรรม ซึ่งจุดพีคที่สุดคือวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ที่มีคนออกมาร่วมชุมนุมกันล้นหลาม แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฝ่ายรัฐบาลประกาศถอน พรบ. นิรโทษกรรมออกจากการพิจารณา ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเชื่อถือแก่ประชาชนมานัก เพราะถอนได้ก็นำมาขอใหม่อีกได้ ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ  สิ่งที่มุกคนเห็นว่าเป็นการตัดสินใจผิดคือ การที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังรอดูสถานการณ์ ไม่ยกระดับการชุมนุม ความฮึกเหิมของประชาชนจึงมอดลงอย่างน่าเสียดาย



แต่หลังจากนั้น ม็อบยังคงมีเวทีต่อเนื่องทั้งที่ เวทีราชดำเนิน( พรรคประชาธิปัตย์ Blue /Sky TV) เวทีสะพานมัฆวานของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนต้านระบอบทักษิณ (คปท.)  และเวทีผ่านฟ้า มีการนัดหมายชุมนุมใหญ่วันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งได้รับการขานรับจากทุกสาชาอาชีพ  นิสิตนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยนัดกันที่นางเลิ้งช่วงบ่ายเพื่อเดินขบวนมารวมตัวกันที่เวทีราขดำเนิน


ช่วงวันที่ 22-24 พ.ย. ภาคใต้มีพายุเข้า ฝนตกหนัก น้ำท่วมหลายแห่ง แต่คนใต้ขนกันขึ้นมาที่เวทีราชดำเนินอย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะถูกตะปูเรือใบ รถไฟตกรางที่สวี รถติดน้ำท่วมที่แยกปฐมพร ทุกคนพยายามหาทางเข้าไปสู่ราชดำเนิน

คนไทยในต่างแดนมีการชุมนุมกันทั้งที่ ปารีส ลอนดอน และที่น่าสนใจคือมีจดหมายเปิดผนึกของนักศึกษา Oxford ที่ไม่ต้องรับนายพงษ์เทพ เทพกาญจนาที่จะเดินทางไปอังกฤษ

รายการบนเวทีกลางใช้ชื่อว่า เกาะติด มหาประชนโค่นล้มทักษิณ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมหลายสถานี จับมือร่วมกันเป็นเครือข่ายราชดำเนิน มี Blue Sky, T News, FMTV, 13SiamThai และเจ้าเดิมตลอดกาลคือ ASTV
และเมื่อเปรียบเทียบกับทีวีกระแสหลัก ช่างน่าอายในความเป็นสื่อมวลชน


วันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 เป็นวันที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่าเป็นการรวมตัวของประชาชนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคนเต็มพื้นที่ยางตลอดถนนไปถึงผ่านฟ้า หลานหลวง ฝั่งสนามหลวงคนเต็มถนน เต็มสนามหลวง ล้นไปบนสะพานปิ่นเกล้า  ตรอกซอกซอย ถนนรายรอบอนุสาวรีย์ เต็มทุกจุด  หน้าลานกทม. แน่นขนัด



 ไม่เคยมีครั้งไหนที่เสียใจที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมเท่าครั้งนี้เลย

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 วันนี้มีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมดาวกระจายไปตามจุดต่างๆในกทม. 13 จุด ตอนเย็นได้ข่าวว่าสุเทพเข้ายึดที่มั่นในกระทรวงการคลังแล้ว

วันที่ 9 ธันวาคม 2556 เป็นวัดนัดชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ ครั้งนี้ถนนทุกสายในกรุงเทพมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล ในต่างจังหวัดก็นัดพบกันที่ศาลากลาง เวลา 9:39 น. เป็นการชุมนุมที่ลบสถิติวันที่ 24 ไปได้อย่างสวยงาม ด้วยกำลังประชาชนร่วม 5 ล้านคน  มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นมวลมหาประชาชนจริงๆ


แม้แต่ตัวเองก็เข้าร่วมการชุมนุมที่ศาลากลางนครศรีธรรมราช เดินขบวนไปตามถนนราชดำเนิน เป็นอีกครั้งที่เห็นความร่วมมือร่วมใจของคนมากขนาดนี้

วันที่ 22 ธันวาคม 2556  คิดว่าวันที่ี่ 9 คนมากแล้ว มีการนัดชุมนุมวันที่ 22 ธันวาคม อีกครั้ง คราวนี้กระจายทั่งกรุงเทพ มีเวทีใหญ่ 6 จุดรวมราชดำเนินก้วยและเพิ่มเป็นเจ็ดจุดที่ห้าแยกลาดพร้าว มีขบวนกบฏดอกไม้เคลื่อนขบวนไปบ้านนายกที่ซอยโยธินพัฒนา 3 ไปกันมากมายเต็มซอย แต่นายกก็ออกไปตรวจราชการที่อีสานแทน ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร


อีกวันที่น่าเสียใจคือเช้าวันที่ 25 ธันวาคม กปปส ถูกยิงที่สนามไทยญี่ปุ่นดินแดง ที่รับสมัครเลือกตั้ง ตั้งแต่เช้ายันสายและเหตุการณ์ตุงเครียดทั้งวัน ตำรวจตายหนึ่งนาย ประชาชนสองสามคน บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อคืน(28 ธันวาคม มีพิธีไว้อาลัยตุณวสุ อาสาผู้ถูกยิงเสียชีวิต คนมากมายมาเคารพศพ เห็นแล้วขนลุกแทนที่งานยิ่งใหญ่ด้วยใจของคนขนาดนั้น)

วันที่ 13 มกราคม 2557 การนัดหมายอีกครั้งคือ การ Shutdown Bangkok เป็นการปิดเวทีราชดำเนินแล้วไปเปิดเวทีกลางเมืองหลายจุด จุดหลักอยู่ที่แยกปทุมวัน จุดอื่นๆ ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัย ห้าแยกลาดพร้าว ราชประสงค์ ครั้งนี้ตัวเองไม่ได้เข้าร่วมเลย ยังไม่ฟื้นตัวดีจากหวัด แต่คุณพี่เขยขึ้นไป คุณหลานสาวทั้งสามคนก็ออกไปกันหมด


20 มกราคม 2557 กปปส.บุกหน่วยงานราชการต่างๆทั่วประเทศ ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้รับการร้องขอให้ปิดทำการ ก็ปิดวันที่ 22-24 มกราคม 2557 ให้คนที่ต้องการกู้ชาติได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ของคนไทย

22 มกราคม 2557 รัฐบาลประกาศ พรก.ฉุกเฉิน  ได้แต่ประกาศ ไม่มีผลอะไรเลย


23 มกราคม 2557 วันนี้ไปตลาดตามปกติ แวะซื้อกะทิเห็นแม่ค้าสวมปลอกข้อมือลายธงชาติ เลยคุยกันเรื่องการสนับสนุน กปปส. ก็เลยได้รู้ว่าชาวตลาดท่าศาลาสนับสนุนการต่อสู้กันเอาจริงเอาจัง ส่งเงินไปเที่ยวละหลายหมื่น ล่าสุดรวมกันในท่าศาลาได้ไปสองแสนกว่า เช้านี้มีการเตรียมอาหารให้เหล่านักรบ กปปส.ที่อำเภอ แต่ละคนก็ช่วยกันเตรียมข้าวเตรียมของให้ คุยแล้วรู้สึกว่างานนี้ทุกคนพยายามช่วยกันจริงๆ รายต่อไปคุยกับแม่ค้าขายขนมหน้าตลาด ก็รู้สึกว่าติดตามข่าวคราวและสนับสนุนกันมากถึงแม้ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปกรุงเทพ ตัวเองก็ไม่มีโอกาสเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกดีทีเดียว

ขากลับก็เลยขับรถไปวนดูที่อำเภอ กำลังมีกิจกรรมพระสงฆ์สวดมนต์และพรมน้ำมนต์ให้ผู้ร่วมเดินทางไปกรุงเทพ มีรถบัสอยู่หน้าอำเภอสามสี่คัน รถตู้รถกระบะอยู่ในสนามหญ้า เดินเข้าไปและก็เป็นไปตามความคาดหมายที่จะต้องเจอกับชาววลัยลักษณ์กู้ชาติ หน้าคุ้นๆขาประจำ เที่ยวนี้ไปกันสองคันรถตู้ เจอเพชรดนัยมาแจกสติ๊กเกอร์ติดรถให้ "วลัยลักษณ์รวมพลังรักประเทศไทย" คุณพินิจก็แจกตะกรุดเป็นสร้อยถักสวมข้อมือให้น้องๆ เห็นหนู ทรงวุฒิเดินช่วยเช็ดข้างรถให้รถแต่ละคันได้ได้ติดสติ๊กเกอร์หมายเลขรถ น้องๆวลัยวลักษณ์สวมเสื้อ"WALAILAK university Restart Thailand ปิดเพื่อเปลี่ยน" ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจริงๆ เห็นแล้วปลื้มใจค่ะ สู้ๆนะคะ

ขากลับบ้านผ่านป้ายมวล. มีประกาศปิดทำการวันที่ 22-24 มกราคม2557 ดีค่ะ คนที่ไม่ทราบจะได้ไม่ต้องหลงขับรถเข้าไปถึงข้างใน หลายกิโลอยู่ค่ะ



2 กุมภาพันธ์ 2557 วันนี้เป็นวันเลือกตั้ง แต่กปปส.ประกาศเป็น National Picnic Day อยากรู้เหมือนกันว่าจำนวนผู้ไปเลือกตั้งมีจำนวนเท่าไร

Thursday, November 21, 2013

ลอย ... ลอยกระทง

6 พฤศจิกายน 2557 ลอยกระทงปีนี้ยุ่งมาก เป็นสัปดาห์ก่อนสอบปลายภาค สอนเช้าบ่าย ประชุมกระหน่ำ ไม่เหลือเวลามาทำอะไรสุนทรีย์ๆเล่นเลย กระทงปีนี้ก็ไม่ได้ไปหาอุปกรณ์อะไร เปิดตู้เย็นเจอแอปเปิ้ลเอามาคว้านเนื้อออกก็เป็นกระทงได้ค่ะ ลองดูแล้วลอยได้จริงใส่เทียนกุหลาบ ปักธูปหอม แล้วก็ลอยหน้าทีวีกะพี่ปองแล้วกัน
-------------------------------------------

17 พฤศจิกายน 2556 ปีนี้ฝนตกแต่เช้า ไม่ได้ออกไปซื้อกระทงที่ไหน ทำกระทงด้วยเปลืิอกแตงโมและดอกไม้ใบไม้ในบ้านดวงพร แล้วก็คาดว่าจะลอยในสระว่ายน้ำเค้าเลย :)

ปีนี้วันลอยกระทงตรงกับวันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 และเป็นช่วงวันของฝนดาวตกลีโอนิดส์พอดี แต่ดวงจันทร์เต็มดวงเสียขนาดนี้ คงไม่เห็นฝนดาวตก

สองสามปีมานี้ ทำกระทงเองแล้วก็ไม่ได้ไปลอยด้วยเพราะฝนตก ปีนี้ฝนก็ตกตั้งแต่เช้า คาดว่าจะลอยกระทงในสระว่ายน้ำแทนค่ะ :)
---------------------------------------------

28 พฤศจิกายน 2555 ลอยกระทงปีนี้ก็ไม่ได้ไปอีกแล้ว ฝนตกทั้งวัน และตกหนักตอนเย็น อุตส่าห์ทำกระทงหัวปลี และทำกระทงใบตองเอง รู้สึกว่าปีไหนทำกระทงเองมักจะไม่ได้ไปลอยแฮะ....
-----------------------------------------------

10 พฤศจิกายน 2554 ปีนี้ไม่ได้ไปลอยกระทงที่ไหน ออกแนวขี้เกียจ แต่อยากมีกระทงเป็นของตัวเอง ดอกไม้ในสวนวันนี้ไม่มีให้ตัด หมดมุขก็เลยตัดใบเตยมาพับเป็นดอกกุหลาบปักหยวกกล้วย แซมด้วยโป๊ยเซียนแล้วก็ลอยบนโต๊ะกินข้าว...
เอ้า..ลอย...ลอยกระทง !!!

ปี 2557





ปี 255ุ6







ปี 2555



ปี 2554






พายุไห่เยี่ยน Haiyan

ไห่เยี่ยนเป็นพายุไต้ฝุ่นกำลังแรง ขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 (ก่อตัว 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 สลายตัว 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556) สร้างภัยพิบัติร้ายแรงแก่ฟิลิปปินส์ คาดว่ามียอดผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ผู้ประสบภัยคาดว่าถึงสี่ล้านคน ประเทศต่างาๆทั่วโลกส่งความช่วยเหลือไปให้ สถานการณ์ ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน NDRRMC รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากมหาพายุไห่เยี่ยนเฉพาะในฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 4,011 ราย บาดเจ็บ 18,557 ราย สูญหาย  1,602 ราย 

เป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงกว่าสึนามิเมื่อปี 2547 จังหวัดที่ได้รับผลมากที่สุดคือ Talcoban


สื่อหลายแห่งรายงานว่า ภัยพิบัติซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่มฟิลิปปินส์เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน และจะส่งผลให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญภัยพิบัติร้ายแรงอย่างต่อเนื่องและยากที่จะรับมือ

ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 เปิดรับบริจาค ชื่อบัญชี น้ำใจไทย ช่วยผู้ประสบภัยพายุไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารมาลีนนท์ บัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 014-300-7227  ยอดบริจาคล่าสุด 39,003,150 บาท

http://paipibat.com/?tag=%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99
http://th.wikipedia.org/wiki/พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน
http://apdforum.com/th/article/rmiap/articles/online/features/2013/11/18/aphilippines-asean-react
http://hilight.kapook.com/view/93480  ภาพก่อนหลัง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1384949719&grpid=03&catid=&subcatid=

Wednesday, November 20, 2013

Great men and their books

ช่วงนี้พยายามหาหนังสือเก่าๆที่เป็นผลงานของนักคิด นักวิทยาศาสตร์ที่เคยได้ยินชื่อในอดีตมาอ่าน จะได้รู้ว่าเวลาที่เขาบอกว่าได้แนวคิดหรือแรงบันดาลใจจากใคร เขาอ้างจากต้นฉบับที่ไหน  อยากอ่านหนังสือมากมาย เปิดโพสต์นี้เอาไว้อัพเดตเรื่องที่อยากอ่าน และแหล่งค้นหนังสือ ยุคที่หนังสือสามารถโหลดมาอ่านได้ รู้สึกว่าตัวเองโชคดี


  1. Plato  The Republic  https://ia601805.us.archive.org/20/items/PlatosRepublictrans.BloomText/PlatosRepublictrans.Bloom_text.pdf
  2. Aristotle  Metaphysics  http://classics.mit.edu/Aristotle/metaphysics.html
  3. Charles Darwin    The Origin of Species 
  4. EUCLID’S ELEMENTS OF GEOMETRY http://farside.ph.utexas.edu/euclid/elements.pdf
  5. Letters on England by Voltaire (Francois Marie Arouet)  http://www2.hn.psu.edu/faculty/jmanis/voltaire/letters-on-england.pdf   
  6.  Leonardo da Vinci    The Notebooks of Leonardo da Vinci  http://digital.library.upenn.edu/webbin/gutbook/lookup?num=5000
  7. Marie Curie   Radioactive Substances (1904)
  8. Edwin Hubble   The Realm of the Nebulae (1935)
  9. Albert Einstein      Ideas and Opinions   (1954)
  10. Richard Feynman   Surely You're Joking, Mr. Feynman! (1985) & Six Easy Pieces (1963)
  11. Karl Marx    Das Kapital
  12. Howard Carter   The Discovery of the Tomb of Tutankhamen  (1977)
  13. Stephen Hawking     A Brief History of Time  (1988)

Newton's Principia

เป็นความตั้งใจมาตั้งแต่เด็กๆที่อยากจะอ่านต้นฉบับหนังสือที่นักวิทยาศาสตร์หรือนักคิดคนสำคัญๆเป็นผู้เขียน อยากรู้ว่าเขาคิดยังไง ทำยังไง หาหนังสืออ่านยากเย็นเหลือเกิน กว่าจะได้เห็นฉบับจริงก็รอจนอายุมากแล้วไปอ่านหนังสือในห้องสมุดเมืองนอก แต่ยุคนี้เป็นยุคที่หนังสือเราสามารถสืบค้นออนไลน์ นึกในใจว่า โลกนี้ช่างง่ายดาย

ที่อยากอ่านมากๆๆคือ Newton's Principia เพราะถูกอ้างให้ได้ยินเยอะเหลือเกิน เพิ่งมีโอกาสได้โหลดมาอ่าน กำลังอ่านอยู่  :)  เรื่องของเนื้อหาคงต้องมาเล่าเมื่ออ่านจบและมีเวลา แต่เอาลิงก์มาแปะจะได้มีที่อ่าน

ฉบับภาษาอังกฤษหาอ่านได้ที่ https://archive.org/details/newtonspmathema00newtrich  Newton's Principia : the mathematical principles of natural philosophy (c1846)

หรือถ้าสามารถอ่านภาษาละตินได้ก็อ่านฉบับนี้  http://www.gutenberg.org/ebooks/28233


Sunday, November 03, 2013

ม็อบนิรโทษกรรม

3 พฤศจิกายน 2556
สามวันมานี้มีม็อบนิรโทษกรรมที่เข้มข้นมาก มีเวทีพันธมิตรที่สวนลุม มีเวทีที่อุรุพงษ์ และมีเวทีของประชาธิปัตย์ที่สามเสน ล่าสุดคืนนี้ เห็นเวทีสวนลุมเคลื่อนพลโดยการนำของพลตรีจำลอง ศรีเมืองได้ไปร่วมกับเวทีอุรุพงษ์เรียบร้อยแล้ว เวทีสามเสนยังคงมีอยู่ ถ่ายทอดสดทางช่อง Bluesky และมีจอเล็กถ่ายทอดเวทีอุรุพงษ์ด้วย

ส่วนตัวเปลี่ยน profile เป็นรูปการคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมตั้งแต่เมื่อวานและเข้าไปลงชื่อในแคมเปญต่อต้านนิรโทษกรรม น่ายินดีที่พบว่าคนตื่นตัวกันมาก เพื่อนๆในเฟสบุ๊คเปลี่ยน profile และไปลงชื่อกันมาก ดูมีการเข้าร่วมกว่างานอื่นๆ

4 พฤศจิกายน 2556
วันนี้ตอนบ่ายเจออ.เลิศชายกับทรงวุฒิคุยกันเรื่องนี้ ก็นัดแนะกันร่วมกับองค์การนักศึกษา ชุมนุมกันที่ลานเพลินตาตอนห้าโมงเย็น ปราศัยกันจนราวๆหนึ่งทุ่มเคลื่อนย้ายกันจำนวนสองรถบัสไปร่วมกับเวทีในเมืองที่ศาลากลาง นักศึกษาได้ขึ้นพูดด้วย  บรรยากาศคึกคักมา






5 พฤศจิกายน 2556
วันนี้จุฬานัดชุมนุมที่สนามหน้าหอประชุมแล้วเดินขบวนไปที่หน้ามาบุญครอง ปักหลักที่หอศิลป์ กรุงเทพ คนมากันเยอะมาก  เพื่อนๆไปกันหลายคน เห็นแล้วอิจฉา ถ้าอยู่กรุงเทพจะไปด้วยแน่นอน




6 พ.ย. 2556
ที่ท่าศาลา นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์รวมตัวกันไปร่วมเวทีกับประชาชนท่าศาลาคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมที่สนามหน้าอำเภอท่าศาลา มีการจัดขบวนรถเดินทางตอนบ่ายสามโมงครึ่ง และเปิดเวทีอภิปรายบนรถ  เจตนารมณ์ชัดเจนค่ะ





=========================================================
มาขยายคำว่าสุดซอยจากคำอธิบายของคุณกรณ์ จาติกวนิช ค่ะ

"คำว่า 'สุดซอย' ก็คือการช่วยคุณทักษิณให้พ้นผิดในทุกกรณี ทั้งๆที่ความผิดของเขาไม่ได้้เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นความผิดที่มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น 

ผมขอยืมคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ที่เรียกร่างสุดท้ายของกฎหมายนี้ว่าไม่ได้เพียงไปสุดซอย แต่ทะลุซอยออกถนนใหญ่เลยครับ สาเหตุเพราะกฎหมายเขียนว่า ทุกคดีที่คตส.ชี้ว่าผิด ให้ถือว่าพ้นผิดทันที ซึ่งหมายรวมถึงอีกหลากหลายคดีนอกเหนือจากการโกงที่ดินถนนรัชดาฯ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาจำคุกคุณทักษิณไปแล้ว และทุกคดีล้วนแล้วแต่เป็นคดี 'โกงระดับชาติ' ทั้งสิ้น อย่างเช่น


๑. คดีร่ำรวยผิดปกติ ทำให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่องศาลฎีกา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เนื่องจากไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯไว้ ถึง 6 ครั้ง ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๒. คดีทุจริตปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๓. คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปฯ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยเพียงคนเดียว และศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

๔. คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มีนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา (ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมคุณวัฒนาจึงมีบทบาทอย่างมากในความพยายาม 'ปรองดอง')

๕.คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดามหานคร ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณกับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา...

...และจะมีผลแม้แต่ในคดีที่เพิ่งมีคำพิพากษาไปคือเรื่องการโกงกรณีรถดับเพลิงกทม. 6,800 ล้านบาท เพราะเป็นคดีที่คตส.ได้เป็นผู้ชี้ผิดแต่แรกด้วย!!

พูดง่ายๆก็คือถ้ามองว่าคตส. ลำเอียง ก็อย่างน้อยควรให้มีการพิจารณาคดีใหม่ แต่ไม่ครับ นี่ให้ถือว่า 'พ้นผิด' ในทุกกรณีไปเลย!!

และที่ทะลุซอยก็คือ ร่างกฎหมายฉบับนี้เขียนว่าในกรณีคดีของเสื้อแดงที่มาชุมนุมนั้น 'การนิรโทษกรรมไม่ก่อให้เกิดสิทธิ' ซึ่งหมายความว่าจะไปฟ้องร้องทวงสิทธิจากการถูกจำคุก ฯลฯ ไม่ได้

แต่กฎหมายกลับเขียนให้การนิรโทษกรรมในกรณีทุจริตจะมีสิทธิที่ทวงได้!

ตรงนี้สะท้อนความโลภของทักษิณจริงๆ เพราะไม่ใช่เพียงต้องการให้พ้นผิด แต่ต้องการเงิน 46,000 ล้านที่ถูกยึดจากการทุจริตแผ่นดินคืนอีกต่างหาก

และสะท้อนความเห็นแก่ตัวที่ไม่ให้สิทธิชาวเสื้อแดงที่ออกมาเสี่ยงตายเพื่อตน แต่กลับสงวนสิทธิไว้ให้กับตัวเอง

แต่ที่จะมีผลกับพวกเราโดยตรงทุกคนคือ 46,000 ล้านที่ต้องคืนนั้น เป็นการคืนด้วยเงินพวกเรานะครับ วิธีคือการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเอาเงินภาษีเราคืนให้แก่คนที่ศาลพิพากษาไปแล้วว่าโกงแผ่นดิน

และที่แย่กว่านั้นก็คือต้องบวกดอกเบี้ยให้เขาด้วย ในอัตราศาลแพ่งที่ 7.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติที่ประชาชนธรรมดาได้ในการฝากเงิน รวมแล้วค่าดอกเบี้ยถ้านับจากวันที่ถูกยึดก็ประมาณ 14,000 ล้าน

รวมแล้วเตรียมจ่ายภาษีให้กับคุณทักษิณได้เลยครับ รวม 60,000,000,000 บาท ก็คือคนไทยทุกคนเฉลี่ยประมาณคนละ 1,000 บาท ไม่ว่าคุณจะเป็นเสื้อแดง เหลือง ฟ้า ยากจนหรือรํ่ารวยแค่ไหนก็ตาม

และจารึกไว้ว่าเราจะเป็นประเทศแรกในโลกประชาธิปไตยที่มีการออกกฎหมายยกผิดในคดีทุจริต เพียงเพราะคนโกงมีเสียงข้างมากในสภาฯ

ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเราคิด 'เลยตามเลย' กับเรื่องนี้ ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอสุดขีดของสังคมไทย เราจะรอพึ่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่ากฎหมายนี้ขัดต่อหลักนิติธรรมหรือไม่ก็ได้ แต่เราต้องแสดงออกในฐานะเจ้าของประเทศว่าเรายอมรับไม่ได้ที่จะมีคนทำตัวเหนือกฎหมายอย่างนี้ ถ้าทุกคนเงียบ ลูกหลานเราจะต้องอยู่ในประเทศแบบไหน คิดให้ดีครับ ถ้าเรื่องนี้ปล่อยให้เขาทำได้ ผมว่าก็เท่ากับเราพร้อมยอมเขาในทุกเรื่อง"

ข้อมูลจากลิงก์ที่แนบมานี้ค่ะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151975302504740&set=a.113478794739.118233.71254499739&type=1&theater

Saturday, November 02, 2013

ม็อบบางสะพาน ตุลาคม 2556

สัปดาห์ที่ผ่านมามีม็อบสวนยางที่บางสะพาน ปิดถนนสายหลักที่ลงสู่ภาคใต้ เป็นอัมพาตกันไปหมด รถทั้งขึ้นและล่องสามารถผ่านทางได้โดยการใช้เส้นทางเลี่ยง แต่ก็ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง

ครั้งนี้ไม่ได้ติดตามข่าวเพราะม็อบเริ่มวันที่ 26 ตุลาคม 2556 ช่วงเดียวกับงานศพของพี่ที่เคารพมากท่านหนึ่ง มัวแต่ยุ่งกับงานไม่ได้ทำอะไรเลย

ผลกระทบที่เจอบ้างคือ มีคนที่ลงมางานด้วยรถทัวร์ จากเดิมที่น่าจะมาถึงประมาณหกโมงเช้า ก็มาถึงประมาณเที่ยง  ขากลับวันนี้(2 พฤศจิกายน) ก็เช่นเดียวกัน Sudjai Khakhunmanee  "หนูกับน้องก็ดีใจที่ได้เจออาจารย์เช่นกันค่ะ แต่เสียดายเวลาสั้นไปนิดนะคะ ตอนนี้หนูเดินทางถึงประจวบคีรีขันธ์ตะวันส่อง (06.09 น.) เลี่ยงม็อบอยู่ที่บางสะพาน รถเยอะมากๆ ค่ะ ขามากับน้องษารถยังคลานตามกันได้ แต่รอบนี้รถตั้งไข่กันทั้งคืนเลยค่ะ 555 อาจารย์เริ่มเห็นชะตากรรมหนูแล้วใช่ไหมคะ"



ข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่างๆ

http://news.springnewstv.tv/37755/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%9A-%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AF-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2


Wednesday, October 30, 2013

กล้วยไม้มีดอกช้า..ฉันใด

"กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด 
การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น
แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น 
งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม"

(คุรุบุปผชาติ -  นิพนธ์โดย ศ.มล.ปิ่น มาลากุล "กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด...การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น...แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น...งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้ว แสนงาม...หยดน้ำที่พร่างพรม ดูดซับเข้ากิ่งใบ ทีละน้อยซึมเข้าไปเนิ่นช้า...ความรู้ก็เช่นกัน หมั่นทบทวนศึกษา ไม่เว้นว่างตำราเหมือนดั่งน้ำ...ห่างน้ำก็แห้งกรัง แช่น้ำก็เน่าพัง กล้วยไม้จึงเปรียบดังคำสอนใจ...เมื่อถึงวันที่กล้วยไม้ออกดอก งดงามดั่งดวงตะวัน...หยดน้ำที่พร่างพรมทุกวัน ได้รังสรรค์เป็นดอกกล้วยไม้...")

บทกลอนข้างบนเป็นของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล กล่าวถึงการศึกษา แต่ที่ยกมานี้เป็นชื่อของหนังสืออนุสรณ์ในงานศพของ ดร.ทิพย์วัลย์ สุทิน

ดร.ทิพย์วัลย์ สุทินเป็นอาจารย์สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เสียชีวิตคืนวันที่ 24 ตุลาคม 2556 คืนเดียวกับที่พระสังฆราชสิ้นพระชนม์ (เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ม.ล. ปิ่น มาลากุลด้วยเช่นกัน) แต่ไม่ทราบเวลาที่แน่นอนด้วยมาพบร่างผู้เสียชีวิตตอนเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 2556 (ไม่แน่ใจว่ามรณบัตรเขียนไว้เป็นเวลาใด ะไปสอบถามมาอีกครั้ง)

อาจารย์เป็นผู้ทำงานด้านการศึกษาอย่างทุ่มเท เป็นคนที่มีคนรักเคารพมากมาย เมื่ออาจารย์สิ้นลงจึงมีคนที่มีความทรงจำดีๆกับอาจารย์บันทึกเรื่องราวต่างๆ ในโพสต์นี้อยากจะลงรายละเอียดในเรื่องที่อาจารย์ดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษา

ในส่วนที่อาจารย์เกี่ยวข้องมีเยอะมากจะมาขยายประเด็นอีกครั้ง ในที่นี้ขอใส่หัวข้อไว้ก่อนว่ามีเรื่องของการสร้างระบบการดูแลนักศึกษา ระบบหอพักนักศึกษา ระบบการประเมินบุคลากรในสถาบันการศึกษา การเรียนการสอนแลล PBL การเรียนการสอนเชิงรุก มาตรฐานวิชาศึกษาทั่วไป



TBC

Tuesday, October 22, 2013

Emilie and Voltaire

ตั้งใจจะค้นเรื่องของวอลแตร์มาอ่าน เพราะมีร้านกาแฟชื่อวอลแตร์เปิดอยู่ที่ซอยข้างห้างโอเชียนนคร ได้ยินว่าเป็นร้านน่ารัก มีการสอนศิลปะชั้นบน และเจ้าของปลาบปลื้มวอลแตร์มากจนนำมาตั้งเป็นชื่อร้าน

จริงๆแล้วรู้จักวอลแตร์แค่ชื่อ จำได้ว่าแต่งหนังสือเรื่องกองดิดส์ แต่ไม่คิดจะอ่าน เพราะเคยอ่านเรื่องย่อแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่แนวที่ชอบ นอกเหนือจากนั้นก็รู้ว่าเป็นนักปรัชญาอะไรทำนองนั้น

มาเปิดวิกิพีเดียอ่านประวัติดู อ่านไปก็ทึ่งไปว่าวอลแตร์ดูจะมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนมากมายทีเดียว และความสามารถของเขาดูจะไม่ใช่โดดเด่นแค่การเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง แต่กลับมีบทบาททางด้านวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ อภิปรัชญา การเขียนหนังสือ บทกวี บทความ ฯลฯ แต่ที่ทำให้คนนึกถึงวอลแตร์น่าจะเป็นการที่เขาวิพากษ์วิจารณ์สังคม ระบบการปกครองในสมัยนั้นโดยใช้หลักเหตุผล โจมตีความเชื่องมงาย แนวคิดของเขาส่งผลมากต่อการลุกฮือของประชาชนในการปฏิวัติฝรั่งเศส

งานของเขาได้แก่ (คัดจากวิกิพีเดีย, นำมาลิสต์รายการไว้เผื่อจะหาอ่านในอนาคต)  :)
Philosophical works
  • Letters concerning the English nation (London, 1733) (French version entitled Lettres philosophiques sur les Anglais, Rouen, 1734), revised as Letters on the English (circa 1778)
  • Le Mondain (1736)
  • Sept Discours en Vers sur l'Homme (1738)
  • Traité sur la tolérance (1763)
  • Ce qui plaît aux dames (1764)
  • La Princesse de Babylone (1768)
Plays
  • Irène
  • L'Orphelin de la Chine (1755)
Historical
  • The Age of Louis XIV (1751)
  • The Age of Louis XV (1746–1752)
  • Annals of the Empire – Charlemagne, A.D. 742 – Henry VII 1313, Vol. I (1754)
  • Annals of the Empire – Louis of Bavaria, 1315 to Ferdinand II 1631 Vol. II (1754)
  • Essay on the Manners of Nations (or 'Universal History') (1756)
  • History of the Russian Empire Under Peter the Great (Vol. I 1759; Vol. II 1763)
  • History of the Parliament of Paris (1769)[66]

ค่อนข้างประหลาดใจที่พบว่าเขาทำงานด้านวิทยาศาสตร์ด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เขาต้องออกจากฝรั่งเศสไปอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลาสามปี เขาได้แนวคิดจากอังกฤษมามากโดยเฉพาะแนวคิดของนิวตันเรื่อง Optics และแรงโน้มถ่วง และในเวลาต่อมาได้ศึกษาเรื่องนี้ร่วมกับเพื่อนหญิงของเขา เอมิลี่ 

วอลแตร์ได้เข้าร่วมในพิธีศพของนิวตัน ได้มีส่วนในการเรียกร้องให้เขาได้รับการนำไปอยู่ที่ Westminster Abbey และได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับนิวตัน รวมทั้งเป็นคนกระพือเรื่องเล่าที่ว่านิวตันได้คิดเรื่องแรงโน้มถ่วงเพราะถูกแอปเปิ้ลหล่นใส่หัว

วอลแตร์ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา ชื่อจริงคือ François-Marie Arouet  ชื่อวอลแตร์เป็น anagram ของคำว่า  "AROVET LI," ซึ่งเป็นชื่อในภาษาละตินของนามสกุลของเขา (Arouet)  ส่วนอักษรย่อมาจากคำว่า "le jeune" ("the young")

เมื่อเสียชีวิตวอลแตร์ได้รับการทำพิธีแบบรีบร้อนก่อนคำสั่งประกาศห้ามการทำพิธีของเขาจะถูกประกาศออกมา เพราะยามมีชีวิตไม่ได้ญาติดีกับคริสตจักรเท่าไรนัก เขาจึงได้รับการปฏิเสธที่จะให้ทำพิธีในโบสถ์ แต่เพื่อนของเขาก็ได้จัดการให้ได้ทัน  เขาเสียชีวิตวันที่ 30 พฤษภาคม 1778 และในที่สุดหลังจากนั้นอีกสิบกว่าปีวันที่ 11 กรกฎาคม 1791 ร่างของเขาได้ถูกนำไปไว้ที่ Pantheon ที่ฝังศพบุคคลสำคัญของฝรั่งเศส(ได้ไปเยี่ยมชม Pantheon เมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 และได้เห็นที่ฝังศพของวอลแตร์ด้วย โดดเด่นกว่าของคนอื่นมากเพราะถูกนำมาอยู่ด้านหน้าและมีรูปปั้นด้วย)



What is tolerance? it is the consequence of humanity. We are all formed of frailty and error; let us pardon reciprocally each other's folly-that is the first law of nature." ("Tolerance", ibid)


อ่านแล้วก็ตามลิงก์ต่อไปดูข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพราะคุ้นๆกับชื่อ
Emilie du Châtelet ที่ทำงานร่วมกับวอลแตร์ ยิ่งค้นเรื่องของเธอยิ่งพบว่าน่าสนใจมาก แทบจะมากกว่าตัววอลแตร์เองด้วยซ้ำเมื่อคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงในยุคนั้นที่ได้รับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูง มีทักษะและพื้นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ดีกว่าวอลแตร์ เธอรู้ภาษาละติน อิตาเลียน กรีก เยอรมัน ตั้งแต่อายุสิบสองปี มีความสามารถในการเต้นรำ เล่นฮาร์ปซิคอร์ด และเล่นละครสมัครเล่น และเคยใช้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ในการพนันเพื่อหาเงินมาซื้อหนังสืออ่าน

เธอเป็นผู้แปลหนังสือ Principia ของนิวตันจากภาษาละตินเป็นภาษา
ฝรั่งเศส ซึ่งยังคงถือว่าเป็นต้นฉบับฝรั่งเศสฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด

เธอได้รับการกล่าวถึงโดยวอลแตร์ว่าเป็น "a great man whose only fault was being a woman"

ในชีวิตครอบครัวกลับเป็นว่าเธอต้องแต่งงานตั้งแต่อายุน้อยกับขุนนางชั้นสูงตามแบบฉบับผู้ดีสมัยก่อน แต่เธอก็มีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีกหลายคน ที่เป็นที่รู้จักที่สุดคือวอลแตร์ โดยได้ใช้ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันในการศึกษางานที่สำคัญหลายชิ้น

เธอเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 42 ปี หลังการคลอดบุตรคนที่สี่ที่เกิดจากความสัมพันธ์กับคนรักอีกคนหนึ่ง

(ในประวัติของเธอกล่าวว่าเธอเกิดที่ย่านตุยเลอรี่ส์ ในปารีสใน Townhouse ขนาดใหญ่ใกล้สวน น่าเสียดายที่อ่านเรื่องนี้หลังจากกลับมาจากปารีสแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะต้องตามไปดูซักนิด นับว่าเป็นผู้หญิงที่เป็นฮีโร่ได้อีกคน)

แหล่งข้อมูล

Wednesday, October 02, 2013

Inspiration

Inspiration บางครั้งงานของใครบางคนก็เป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลายคน...





ส่วนตัวแล้วประทับใจภาพนี้ที่สุดในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เมื่อหันไปเห็นภาพนี้ รู้สึกถึงความเศร้าโศรก ความรัก การพลัดพราก โดยไม่รู้มาก่อนด้วยว่าเป็นภาพที่เกี่ยวกับเรื่องอะไร นั่งดูอยู่นาน ชอบมากๆ ซื้อโปสการ์ดกลับมาชื่นชมอีกต่างหาก

ภาพนี้ชื่อ The burial of Atala เป็นภาพเขียนแสดงเรื่องราวของสาวน้อยคริสเตียนเลือดผสมคนหนึ่งชื่อ Atala ผู้ซึ่งสาบานไว้ว่าจะถือพรหมจรรย์ แต่เมื่อเธอพบคนรักซึ่งเป็นหนุ่มอินเดียนแดงเผ่า Natchez. เธอจึงเลือกที่จะกินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ผิดคำสาบาน

ภาพนี้วาดโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Anne-Louis Girodet ผู้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากงานเขียนของ Francois-René de Chateaubriand เรื่อง Atala ซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้จากการเดินทางไปอเมริกาอีกต่อหนึ่ง งานของเขาได้รับการแปลหลายภาษาและเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพของศิลปินคนอื่นที่วาดภาพฉากนี้เช่นเดียวกัน เช่นงาน Ultimos momentos de Atala by Luis Monroy. และ Death of Atala ของ Rodolpho Amoedo

นี่ถ้าวาดรูปเก่งๆจะวาดมั่งนะคะเนี่ย ชอบจังเลย...




Atala เขากินยาพิษฆ่าตัวตายค่ะ โดยไม่บอกมิชชั่นนารี Père Aubry ผู้ชายหนวดยาวคนนั้น  


 เขาก็เลยคิดว่าเธอป่วยเฉยๆ เมื่อ Chactas คนรักของเธอมา เธอก็บอกความจริง แต่ก็ช่วย


ชีวิตไม่ทันแล้ว ซึ่งมิชชั่นนารีได้บอกว่าทางศาสนาคริสต์ก็ยอมให้ถอนคำปฏิญานได้( พระ


หรือแม่ชีที่ได้ทำ renunciation of vows เพื่อออกไปแต่งงานก็เคยมี) Atala ไม่น่าจะต้องกิน


ยาพิษค่ะ เศร้าเนอะ...



==========================================




ส่วนงานชิ้นนี้ชื่อ The spirit of eternal rest. เป็นผลงานของโรแดงค่ะ ตั้งอยู่ในสวนที่พิพิธภัณฑ์โรแดง โดมข้างหลังคือ แองวาลิด ที่ฝังศพนโปเลียน ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โรแดงแล้วได้ภาพนี้มา ไม่ได้ตั้งใจแปลผลงานท่านโรแดงเป็นอื่นเลยจริงจริ๊ง



=======================================
รูปปั้นชุดนี้อยู่ในลูฟร์ค่ะ  ดูแล้วอารมณ์ดี


เห็นได้ชัดว่าน้องเป็นเด็กโหด

ส่วนคุณลุงคุณป้าคู่นี้ยืนขนาบทางเดิน แลดูไหว้แบบเสียไม่ได้นะคะ






================================================

ที่เป็นแรงบันดาลใจตลอดมาคงหนีไม่พ้น Da Vinci