Thursday, August 12, 2004
Angles & Demons : ความสนุกสนานบนข้อเท็จจริง
(ต่อจาก Angles & Demons : เรื่องย่อ )
ด้วยพล็อตเรื่องที่ว่ามา หนังสือเรื่องนี้กลับมีเนื้อหาที่อัดแน่นด้วยข้อมูลต่างๆจนคนอ่านเองไม่แน่ใจว่าควรจะเชิ่อว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพราะมันสมจริงมาก หมายเหตุผู้เขียนระบุว่าผลงานศิลปะ อุโมงค์และสถาปัตยกรรมทั้งหมดที่อ้างถึงในกรุงโรมรวม(ทั้งตำแหน่งที่ตั้ง) เป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น กลุ่มภราดรอิลลูมิเนติก็เป็นข้อเท็จจริงเช่นกัน หนังสือเล่มนี้ให้ภาพแผนที่กรุงโรมและนครวาติกันมาประกอบเรื่อง เห็นแล้วก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าสักวันหนึ่งจะต้องไปเดินตามรอยสถานที่เหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความจริง ( หนังสือรหัสลับดาวินซี มาในแนวเดียวนี้เหมือนกัน อัดแน่นด้วยข้อเท็จจริงในเนื้อหาและสถานที่ตั้ง จนผู้อ่านบางคนอาจเกิดความฝันลอยๆว่าสักวันน่าจะไปตามรอยดาวินซีที่ปารีสกับอังกฤษบ้าง)
สิ่งที่รู้สึกอีกอย่างหนึ่งหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้คือ อยากอ่านฉบับภาษาอังกฤษเหลือเกิน เพราะบทสนทนามีการเล่นคำอยู่หลายครั้ง การเล่นคำบางเรื่องต้องขอบคุณผู้แปลที่มีหมายเหตุและระบุคำภาษาอังกฤษมาด้วยทำให้ตามความหมายของคำได้ แถมบางคำที่เขาใช้โดยส่วนตัวก็ไม่เข้าใจการเล่นคำนั้นๆ (คาดว่าถ้าอ่านฉบับภาษาอังกฤษคงต้องมีฉบับแปลอ่านควบคู่ในบางตอน) อย่างเช่น การเล่นคำ NO GUT, NO GLORY ที่เป็นลายพิมพ์บนเสื้อคนในเซิร์นคนหนึ่ง ที่อาจแปลว่า “ไร้กึ๋นก็ไร้เกียรติ” แต่สำหรับที่เซิร์น GUT คือ General Unified Theory (ทฤษฎีเอกภาพที่สมบูรณ์) เป็นการเล่นคำที่เก๋มากเล่นทั้งศัพท์ปกติล้อเลียนทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรืออย่างการเอากระดาษแปะบนเสาต้นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เสาต้นนี้เป็นไอออนิก” ไออนนิกสำหรับนักเรียนศิลปะคือรูปแบบของเสาทรงกรีกแบบหนึ่ง พระเอกจึงบอกว่าเสาต้นนี้ไม่ใช่ทรงไอออนิก เป็นทรงดอริกต่างหาก แต่สำหรับคนทางวิทยาศาสตร์ย่อมเข้าใจเสมอว่าไอออนิกคือการที่มีไอออนอยู่ ซึ่งหมายความว่าเสาต้นนั้นมีอนุภาคประจุไฟฟ้าอยู่นั่นเอง
เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับศาสตร์สัญลักษณ์ในเรื่องนี้ก็มีมากมาย เช่น
แอมบิแกรม - คำว่า illuminati สามารถเขียนในรูปสมมาตรหรือแอมบิแกรม แอมบิหมายถึง ทั้งสอง หมายถึงอ่านได้ทั้งสองด้าน กลับหัวกลับหางได้ ตัวอย่างรูปสมมาตรที่พบเห็นทั่วไปได้แก่ ตราสวัสดิกะ หยินหยาง ดวงดาราแห่งยิว กากบาทธรรมดา เป็นต้น ในเว็บเพจหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ของแดน บราวน์ จะมีลิงก์ไปที่เรื่องนี้ http://www.danbrown.com/secrets/ambigram.html
เรื่องนี้มีการเหน็บแนมชาวอเมริกันในเรื่องหลงตัวเองอย่างน่าสนุก เช่น พระเอกชาวอเมริกันของเราข้องใจว่าทำไมผู้ติดต่อจากเซิร์นจึงสามารถหาข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของเขาได้จากการค้นเว็บ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ใส่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ในเว็บเพจ
“ฟังเหมือนห้องทดลองของคุณรู้เรื่องเว็บมากนักงั้นแหละ”
“ก็สมควรอยู่” ชายคนนั้นตอบกลับ “เราเป็นผู้คิดค้นมันขึ้นมาเอง”
ฟังดูแปลกแต่เป็นความจริงที่คนทั่วไปมักคิดว่า WWW ถูกคิดค้นโดยคนอเมริกัน(เพราะปัจจุบัน W3C ซึ่งเป็นองค์กรดูแลด้านเว็บมีสำนักงานอยู่ในอเมริกา) จริงๆแล้ว WWW ถูกคิดค้นโดยเซอร์ ทิม เบอร์เนอร์ส ลี ชาวอังกฤษในขณะที่ทำงานอยู่ที่เซิร์น
การเหน็บแนมอีกเรื่องที่น่าสนใจคือการที่ทฤษฎีบิ๊กแบงค์ถูกเข้าใจว่าเป๋นการนำเสนอโดยEdwin Powell Hubble นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน พระเอกของเราก็เข้าใจเช่นนั้น เมื่อวิตโตเรียนางเอกสาวนักฟิสิกส์ชีวสัมพันธ์กล่าวว่า คริสตจักรคาทอลิกเป็นผู้นำเสนอทฤษฎีบิ๊กแบงค์ โดยนักบวชคาทอลิกชาวเบลเยี่ยมชื่อ Goerges Edouard Lematre ในปี 1927 แลงดอนก็อดไม่ได้ที่จะแย้งจนผู้อำนวยการของเซิร์นในเรื่องอดไม่ได้พูดว่า "เอาอีกแล้วซี ความเย่อหยิ่งทางวิทยาศาสตร์ของชาวอเมริกันนี่ ฮับเบิลตีพิมพ์เรื่องนี้เมื่อปี 1929 สองปีหลังจากเลอแมตร์" ความจริงถ้าเราลองอ่านหนังสือหลายๆเล่มก็จะพบว่าฮับเบิลเป็นเพียงผู้ยืนยันสมมติฐานนั้น
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจอีก เช่น
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกลุ่ม องค์กรที่น่าสนใจ
illuminati และ Mason
CERN
วาติกัน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ผลงานศิลปะในเรื่อง
Santa Maria Del
อืมม์..post ก่อนล่ะ ไว้ค่อยมา update แล้วกันนะ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment