Thursday, July 09, 2009

ไปกินข้าวที่สูงๆกันเถอะ

(เขียนบล็อกนี้ไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน ไม่ได้ publish เสียที กลัวจะลืม รีบเอามาวางไว้ก่อน)

สัปดาห์นี้มีธุระขึ้นกรุงเทพ ก็เลยถือโอกาสพาคุณหลานไปกินข้าว บอกคุณหลานว่าเราไปกินอะไรแพงๆกันเถอะ ใบหยกเป็นไงสูงดี เสิร์จดูในเว็บพบว่าบนตึกใบหยก 2 มีห้องอาหาร 3 ห้องที่เขาไปกินบุฟเฟต์กัน ทุกห้องมีอาหารหลากหลายแต่เน้นไปคนละแบบ มี sky restaurant ชั้นที่ 76 และ 78 เป็นอาหารนานาชาติและซีฟู้ด ราคา 490 บาทต่อคน ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม (อาหารค่ำ) แล้วก็มีห้องอาหาร Stella Palace ชั้นที่ 79 เป็นบุฟเฟต์เน้นอาหารจีน อีกห้องคือ Crystal Grill บุฟเฟต์เน้นอาหารฝรั่ง ราคา 620 บาท เราไปCrystal Grill กันดีกว่า  

เราจองที่นั่งริมหน้าต่างเวลา 17:45 กะว่าจะได้ไปดูวิวช่วงเย็นก่อนค่ำแต่วันนั้น( 27 เมษายน 2552) ฝนตกพอดี  ทีแรกก็กลัวว่าจะไม่เห็นวิว แต่จริงๆก็เห็นวิวชัดดี  ไปถึงตึกใบหยก 2 (แวะซื้อรองเท้าก่อนเพราะรองเท้าพังหน้าตึกพอดี) ก็ขึ้นไปที่ลอบบี้ชั้น 18 ไปถึงก็ไปจ่ายเงินค่าอาหาร เขาก็ให้บัตรมา 2 ใบแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่ 82 ห้อง Crystal Grill พนักงานพาไปที่นั่งได้โต๊ะหมายเลข 11 ริมหน้าต่างมองไปก็จะเห็นวิวทางด่วนดินแดง

ไปถึงที่นั่งเขาก็เอาเมนูเครื่องดื่มมาให้เลือก   สั่งโค้ก กับน้ำเปล่า อย่างอื่นกินไม่เป็น

                                                 ตามมาด้วยขนมปัง


จากนั้นก็เดินดูอาหาร แลดูดีน่ากินไปเสียทุกอย่าง มีเนื้อและเนื้อแกะย่าง มีปลาแซลมอน มีเกรวี่หลายแบบแล้วแต่จะเลือก กินกับมันฝรั่งอบและผักพวกดอกกะหล่ำต้ม ถ้าจะกินก็บอกเขา เขาจะย่างตรงนั้น เราก็ถือจานรอรับได้ บางเมนูเขาก็จะเอาไปส่งให้ที่โต๊ะ มีซีฟู้ดเป็นกุ้ง ปู หอยย่าง มีมุมสลัดผัก มี appetizer  เป็นถ้วยเล็กๆใส่สลัดกุ้งพอคำ  มีลาซานญาน่ากิน มีพาสต้าหลายแบบ  มีอาหารเม็กซิกันเป็นข้าวผัดกับไก่  มีเมนูอาหารญี่ปุ่น ข้าวปั้น ซาซิมิ  ของหวานก็มีทั้งขนมไทย เค้ก คัสตาร์ดไอศกรีม ฯลฯ บรรยายไม่หมด


พอมีของกินคุณหลานก็เริ่มทำหน้าเจ้าเล่ห์

วิวข้างล่าง

เนื้อแกะราดซอสพริกไทยดำ แซลมอนย่าง หอยแมลงภู่อบ น่ากินใช่มั้ย?


อันนี้เมนูสเต็กเนื้อ ปลาแซลมอน สลัดซีซาร์


ซุปหอยลาย

ลักษณะมุมอาหาร จะเป็นแบบนี้โดยรอบ แล้วมีโต๊ะอาหารอยู่ริมหน้าต่าง ตรงนี้มุมเทมปุระ


ช่วงว่างก่อนกินของหวาน

เค้กกับคัสตาร์ด 

กินกันจนค่ำ

คุณหลานยังอุตส่าห์กินพาสต้าได้อีก กินขนาดนี้ไม่ใช่หลานไม่เลี้ยงแล้ว!


 กินเสร็จก็จ่ายเงินเพิ่มค่าเครื่องดื่มแล้วก็ออกไปดูวิวชั้นบน เนื่องจากเราอยู่ชั้นที่ 82 ก็เดินขึ้นบันไดต่อไปชั้นที่ 83 จะเป็นโถงดูวิวได้ มีที่นั่งให้ ไม่ต้องตากลม ชั้นนี้มีบาร์ Roof Top Bar เราก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นที่ 84 ต่อ  ระหว่างชั้นบันไดก็จะเจอคุณคนนี้ 

ขึ้นไปเจอป้ายก็ถ่ายรูปเสียหน่อย

ชั้นดูวิว เขาทำเป็นแท่นหมุนให้ยืนดูวิวได้รอบ 360 องศาโดยไม่ต้องเดิน มีรั้วกั้นโดยรอบ ชั้นบนก็จะมีการประดับไฟวิ่งเป็นสีๆ สดใส


 วิวจากชั้น 84

ไฟวิ่งข้างบน

ส่วนใหญ่ถ่ายเป็นวิดีโอไว้ ไม่ค่อยมีรูปข้างนอก เรายืนดูอยู่จนมันหมุนวนไป 3 รอบ เห็นควรว่ากลับได้แล้วก็เดินมาคอยลิฟต์ คุณหลานก็บ่นว่าหมดที่ถ่ายรูปแล้วหรือ เห็นเพื่อนมามีบอลลูนให้ถ่ายรูปด้วย ก็ยืนๆคอยต่อไป รู้สึกว่างก็คุยกับน้องที่คุมลิฟต์ว่าลิฟต์นี่ใช้เวลาขึ้นมานานซักเท่าไร เขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่เขาก็พูดว่าน่าจะประมาณนาทีหนึ่งถ้าเป็นลิฟต์แก้ว เราก็ซักต่อว่ามีลิฟต์แก้วด้วยหรือคะ แล้วพี่จะไปขึ้นลิฟต์แก้วได้ไหม เขาก็บอกว่าได้

 ให้เราลงไปที่ชั้น 77 แล้วถามพนักงานที่ชั้นนั้น เราก็ลงลิฟต์มาที่ชั้น 77 แล้วก็พบว่าชั้นนี้เขาทำเป็นจุดชมวิวอย่างจริงจัง มีที่ขายของที่ระลึก มีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลายมุม โชคดีจริงเลยที่ถามเขาก่อน ไม่งั้นก็ไม่ได้แวะมา เราก็ไปถ่ายรูปกันอย่างจริงจัง คุณหลานปั๊มเหรียญที่ระลึกกับเครื่องไปชิ้นหนึ่งด้วย 20 บาท สนุกดี

ร้านขายของโบราณ

ศาลาริมน้ำ 

คนขับสามล้อ

ได้ขึ้นบอลลูนสมใจ




แบบจำลองตึก

รูปสุดท้ายก่อนออกจากใบหยก ออกไปแล้วยังได้เดินช้อปปิ้งต่อด้วย ชีวิตดีจริงๆเลย 




No comments: