เขาหลวงเป็นชื่อเทือกเขาในนครศรีธรราราชที่มียอดสูงที่สุดในภาคใต้ที่หนึ่งพันแปดร้อยกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีพืชพันธ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีนกสวยรวมไปถึงนกที่ถือเป็นนกประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชคือนกกินปลีหางยางเขียว แต่เป็นซับสปีชีส์เฉพาะของที่นี่
ฉันได้ไปเยี่ยมเยือนเขาหลวงช่วงวันที่ 12 -14 เมษายน 2542 นานมากแล้ว..... จำไม่ได้ด้วยว่าไปมาเมื่อไหร่ จนเมื่อเช้านี้เปิดไปดูรูปภาพเก่าๆ เห็นภาพสมัยไปเที่ยว ความหลังก็พรั่งพรูกันมา สมควรแก่การบันทึกไว้ก่อนจะลืมไปอีกครั้ง
ใครชวนให้ไปก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าไปกันเป็นกลุ่ม 12 คน มีหนุ่ย ธีรพันธ์ที่เป็นคนพื้นเพของคีรีวงนำทางไปกับมีทีมงานอีก 2-3 คน พวกเราก็มี อ.โอ๊บ พี่กระต้าย พี่เอ น้องอภิรยา หลานพี่กระต้าย ฉิม น้องๆพยาบาลโรงพยาบาลท่าศาลาอีก 4 คน(ซึ่งอึดมาก)
จำได้ว่าวันแรกของการเดินทาง เราเริ่มต้นตอนเย็นจากมหาวิทยาลัย ไปที่คีรีวง ไปกินข้าวเย็นที่ศาลาข้างน้ำตก(ไม่แน่ใจว่าเป็นท่าหา หรือท่าดี แฟนหนุ่ยทำกับข้าวมาให้กิน อร่อยมาก ที่ชอบที่สุดคือน้ำพริกกับผักกูดลวกกะทิ บรรยากาศอาจจะเป็นไจด้วยทำให้อาหารของเรารสชาติอร่อยขึ้น กินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นเขา จุดหมายคือขนำสุดท้ายยังเป็นเขตสวนชาวบ้าน เป็นที่นอนพักแรมก่อนจะขึ้นเขาจริงจังในวันรุ่งขึ้น ทางเดินขึ้นมืดต้องนำทางด้วยไฟฉายและเดินตามๆกันไป บางจุดก็ได้เห็นสัตว์กลางคืนอย่างนางอาย หนุ่ยเอาไฟฉายส่องชี้ให้ดูเห็นมันนั่งตาวาวอยู่บนต้นไม้ ทางเดินทางนี้จะผ่านน้ำตก เราก็เดินตามกันไปก้าวต่อก้าว ฉันก็เดินไปเฉยๆเพราะมองไม่เห็นอะไรต้องเดินตามเขา แต่เส้นทางเดียวกันนี้พอตอนขาลงจะเห็นเลยว่าเป็นน้ำตกที่มีความชันพอควร เดินตอนกลางวันกลับกลัวทำท่าจะเดินไม่ไหวเอา
คืนนั้นเราพักที่ขนำ เป็นกระท่อมแบบเปิด มีฝา 2 ข้าง สามารถนอนเรียงบนเตียงยกพื้น 2 ข้างได้ จำไม่ได้แล้วว่ารู้สึกลำบากหรือเป็นยังไง แต่ก็ผ่านคืนนั้นไปอย่างเรียบร้อย ตอนเช้าตื่นมารู้สึกจะกินข้าวเสร็จสรรพแล้วออกเดินทาง เริ่มต้นก็ยังเป็นสวน พอเดินไปเรื่อยๆก็เป็นป่า เดินขึ้นๆลงๆ บางทีก็อยู่บนสันเขา มีต้นไม้ใหญ่เยอะ ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจพืชพันธ์ธรรมชาติเท่าไหร่ ก็ดูไปตามที่เขาชี้ให้ดู น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าไปตอนนี้อาจจะได้ประโยชน์มากกว่ามาก
เราผ่านสถานที่ที่ถูกตั้งชื่อตามคนที่บุกเบิกรุ่นแรกๆอย่างลานเฮลิคอปเตอร์ ลานดอกเตอร์ชวลิต มีดอกไม้อย่าง สิงห์โตอาจารย์เต็ม เราพบดอกไม้ป่าสวยๆหลายชนิด เห็นบิโกเนีย(ตอนนั้นยังไม่รู้จักบิโกเนียเลย คิดว่ามันเป็นไม้ตามป่าตามเขา) เห็นมหาสะดำ เฟิร์นขนาดใหญ่ ดอกไม้หลายชนิดสีสันสวยงามแต่ไม่รู้จักชื่อ บางต้นมีลูกเป็นสีฟ้า...ย้ำ..สีฟ้า ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
( โพสต์นี้พิมพ์ไว้หลายปีแล้วค่ะ แต่ save draft ไว้ วันนี้มากด publish ก็เลยขึ้นวันเป็นวันนี้)
Wednesday, February 27, 2013
Saturday, February 02, 2013
Before....Sunrise..Sunset...and Midnight
ตั้งใจจะพูดถึงภาพยนต์เรื่อง Before Sunrise, Before Sunset และ Before Midnight
เพราะกำลังจะมีทริปไปปารีสเดือนพฤษภาคมนี้ ก็ค้นหาหนังที่มีฉากในปารีสมาดูเป็นการใหญ่ ดู Paris Je tiame , Midnight in Paris แล้วก็ดู Before Sunset
ดู Before Sunset แล้วก็ต้องย้อนไปดู Before Sunrise ไม่น่าเชื่อว่าหนังจะคงเรื่องราวสืบเนื่องมาตามเวลาจริง จากเรื่องแรก Before Sunrise ในปี 1995 หนังเรื่อง Before Sunset มาจับเรื่องราวหลังจากนั้นอีกเก้าปีคือปี 2004 และในปี 2013 นี้กำลังจะมีหนังภาคถัดไปคือ Before Midnight ไม่น่าเชื่อจริงๆ 18 ปี !!!
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชอบมาก โรแมนติกสุดๆ เป็นหนังที่เน้นบทสนทนาเป็นอย่างมาก แต่ก็ดึงดูดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน มีฉากที่อยู่ในความทรงจำหลายฉาก และมีอีกหลายฉากที่อยากให้ชีวิตเราได้มีโอกาสทำแบบนั้น ^_^
เดี๋ยวค่อยมาเพิ่มเติม.... book mark ไว้ก่อนว่าอยากคุยเรื่องนี้ :)
Before Sunrise เป็นหนังปี 1995 เรื่องของหนุ่มสาวที่พบกันบนรถไฟยูเรลจากบูดาเปสต์ไปเวียนนาในวันที่ 16 มิถุนายน ปี 1994 เจสซี่เป็นหนุ่มอเมริกันเพิ่งเลิกกับแฟนและกำลังจะบินกลับบ้านจากเวียนนา นางเอก เซลีน กำลังจะกลับไปเรียนที่ปารีสหลังจากมาเยี่ยมครอบครัว เจสซี่ชวนเซลีนให้ลงรถไฟที่เวียนนา โดยมีเวลาแค่วันเดียวเพราะวันรุ่งขึ้นเจสซี่จะบินกลับอเมริกา สองคนก็ได้เที่ยวไปในเวียนนา ค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันจากการพูดคุย (เรื่องนี้บทพูดเยอะมากจริงๆ) เป็นอะไรที่ดรแมนติก เรื่องจบลงที่สถานีรถไฟวันรุ่งขึ้น นางเอกขึ้นรถไฟไปปารีสโดยทั้งคู่สัญญาว่าจะกลับมาเจอกันที่เดิมในอีก 6 เดือนข้างหน้า
แล้วเวลาก็ผ่านไป...... 9 ปี
Before Sunset เริ่มเรื่องจากพระเอก(เจสซี่)ที่หลังจากเวลาผ่านไป 9 ปีจากที่พบกับนางเอก(เซลีน) ได้เขียนหนังสือชื่อ This Time เล่าเรื่องราวหนึ่งคืนที่ชายหนุ่มพบกับหญิงสาวในยุโรป หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดี เจสซี่มาโปรโมตหนังสือที่ปารีสที่ร้าน Shakespeare and Company (ตั้งใจว่าถ้าได้ไปปารีสจะไม่พลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เขาหันไปเห็นว่าเซลีนเข้ามายืนฟังอยู่ เงียบๆ เขาตื่นเต้นมากและพยายามปลีกตัวหลังการสัมภาษณ์เพื่อออกมาหาเซลีนที่ยืนคอยอยู่หน้าร้าน ฉากนี้ประทับใจมากเมื่อคิดถึงคนที่ไม่ได้พบกันถึงเก้าปีทั้งๆที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน
เจสซี่มีเวลาไม่มากนักก่อนจะเดินทางไปสนามบินเพื่อบินกลับนิวยอร์ก เขานัดหมายเวลาให้รถรอรับ โดยตัวเขาจะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงนี้กับเซลีน การพูดคุยกันพร้อมๆกับการเดินท่องเมืองดูจะเป็นรูปแบบของคู่นี้ที่โรแมนติกและทำให้รู้จักกันลึกซึ้งทั้งๆที่มีเวลาด้วยกันน้อยนิด
เดาซิว่าชีวิตของคู่นี้เป็นยังไงต่อ ต้องต่อที่่ Before Midnight ค่ะ :)
ส่วนการตามรอยหนัง Before Sunset ใน Paris ก็ได้ไปสมความตั้งใจคือ ไปตั้งต้นจากโบสถ์นอร์ตเตอดาม เดินข้ามแม่น้ำและข้ามถนนมาก็เจอร้าน Shakespeare and Company เป็นร้านที่มีคนคึกคักทีเดียวถึงจะไม่ได้แน่นมาก หน้าร้านมีกะบะขายหนังสือมือสอง มีโต๊ะเก้าอี้ชุดนึงที่นั่งคุยกันได้ วันนั้นเห็นมีสาวคนหนึ่งนั่งคุยกับสาวอีกสองคน คงคุยกันเกี่ยวกับร้านนี้เพราะดูคนหนึ่งท่าทางเหมือนเป็นคนของร้าน ข้างในดูแคบเพราะหนังสือเยอะมาก เป็นหนังสือภาษาอังกฤษแยกตามหมวดหมู่ ชั้นบนมีมุมเด็ก บรรยากาศอบอุ่น แต่ไม่ได้ถ่ายรูปข้างใน ออกจะเกรงใจ ได้ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งเป็นบทหนัง Before Sunrise และ Before Sunset สองเรื่องในเล่มเดียว และซื้อถุงผ้าของร้านมาอีกใบหนึ่งเป็นที่ระลึก
จากนั้นก็เดินไปข้างๆร้าน มีถนนเส้นเล็กๆที่พระเอกนางเอกเดินคุยกันไป
สิงหาคม 2556
มาบันทึกเพิ่มเติมว่าได้ดู Before Midnight แล้ว เนื้อเรื่องของตอนนี้เป็นชีวิตครอบครัวที่มักจะมีปัญหาได้เสมอ แต่ถ้าได้คุยเปิดใจกันก็จะสามารถหาทางแก้ไขได้เช่นกัน เรื่องนี้มีฉากที่ประเทศกรีซ พระเอกไปส่งลูกชายที่เกิดกับภรรยาเก่ากลับไปอเมริกาจากที่ได้มาพักผ่อนอยู่หลายสัปดาห์ เมื่อกลับไปที่พักซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนพระเอก ก็จะมีฉากแบบฉบับของ Before.... ทั้งหลายคือการคุยกัน ทั้งเรื่องความหลังเมื่อพบกัน เรื่องราวในชีวิต การเขียนหนังสือของเจสซี่ ... จนเมื่อคู่นี้ได้ไปพักค้างคืนที่โรงแรมที่เพื่อนมอบให้เป็นของขวัญ ตอนเดินไปโรงแรมก็ยังดีๆกัน มาเป็นจุดแตกหักเมื่อนางเอกรู้สึกแย่ที่พระเอกพยายามให้ย้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อจะได้ใกล้ลูกชายที่พระเอกรู้สึกว่าตัวเองดูแลลูกน้อยไป นางเอกโกรธมากก็มีการระเบิดอารมณ์ใส่กัน แต่ในที่สุดก็เป็นตามแบบฉบับคือ ใจเย็นลงและยอมรับกันได้ในที่สุด
ต้องบอกว่าพระเอกนางเอกคู่นี้เป็นไปตามวัยจริงๆ ดูเรื่องนี้จบแล้วย้อนไปดู Before Sunrise เห็นเซลีนกับเจสซี่ตอนหนุ่มสาว คนละเรื่องกันเลย แถมรู้สึกอินเหมือนคู่นี้มีชีวิตครอบครัวด้วยกันจริงๆเสียด้วย
สรุปว่าเป็นหนังที่ชอบ ถึงแม้จะไม่มากเท่าสองภาคแรกค่ะ
Before Sunset เริ่มเรื่องจากพระเอก(เจสซี่)ที่หลังจากเวลาผ่านไป 9 ปีจากที่พบกับนางเอก(เซลีน) ได้เขียนหนังสือชื่อ This Time เล่าเรื่องราวหนึ่งคืนที่ชายหนุ่มพบกับหญิงสาวในยุโรป หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดี เจสซี่มาโปรโมตหนังสือที่ปารีสที่ร้าน Shakespeare and Company (ตั้งใจว่าถ้าได้ไปปารีสจะไม่พลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เขาหันไปเห็นว่าเซลีนเข้ามายืนฟังอยู่ เงียบๆ เขาตื่นเต้นมากและพยายามปลีกตัวหลังการสัมภาษณ์เพื่อออกมาหาเซลีนที่ยืนคอยอยู่หน้าร้าน ฉากนี้ประทับใจมากเมื่อคิดถึงคนที่ไม่ได้พบกันถึงเก้าปีทั้งๆที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน
เจสซี่มีเวลาไม่มากนักก่อนจะเดินทางไปสนามบินเพื่อบินกลับนิวยอร์ก เขานัดหมายเวลาให้รถรอรับ โดยตัวเขาจะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงนี้กับเซลีน การพูดคุยกันพร้อมๆกับการเดินท่องเมืองดูจะเป็นรูปแบบของคู่นี้ที่โรแมนติกและทำให้รู้จักกันลึกซึ้งทั้งๆที่มีเวลาด้วยกันน้อยนิด
เดาซิว่าชีวิตของคู่นี้เป็นยังไงต่อ ต้องต่อที่่ Before Midnight ค่ะ :)
ส่วนการตามรอยหนัง Before Sunset ใน Paris ก็ได้ไปสมความตั้งใจคือ ไปตั้งต้นจากโบสถ์นอร์ตเตอดาม เดินข้ามแม่น้ำและข้ามถนนมาก็เจอร้าน Shakespeare and Company เป็นร้านที่มีคนคึกคักทีเดียวถึงจะไม่ได้แน่นมาก หน้าร้านมีกะบะขายหนังสือมือสอง มีโต๊ะเก้าอี้ชุดนึงที่นั่งคุยกันได้ วันนั้นเห็นมีสาวคนหนึ่งนั่งคุยกับสาวอีกสองคน คงคุยกันเกี่ยวกับร้านนี้เพราะดูคนหนึ่งท่าทางเหมือนเป็นคนของร้าน ข้างในดูแคบเพราะหนังสือเยอะมาก เป็นหนังสือภาษาอังกฤษแยกตามหมวดหมู่ ชั้นบนมีมุมเด็ก บรรยากาศอบอุ่น แต่ไม่ได้ถ่ายรูปข้างใน ออกจะเกรงใจ ได้ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งเป็นบทหนัง Before Sunrise และ Before Sunset สองเรื่องในเล่มเดียว และซื้อถุงผ้าของร้านมาอีกใบหนึ่งเป็นที่ระลึก
จากนั้นก็เดินไปข้างๆร้าน มีถนนเส้นเล็กๆที่พระเอกนางเอกเดินคุยกันไป
พอเดินสุดซอยคู่นั้นเขาก็เล ี้ยวซ้ายเข้าถนนเล็กๆเส้นนี ้ rue Galande ค่ะ เป็นถนนเล็กๆน่ารักมาก
สิงหาคม 2556
มาบันทึกเพิ่มเติมว่าได้ดู Before Midnight แล้ว เนื้อเรื่องของตอนนี้เป็นชีวิตครอบครัวที่มักจะมีปัญหาได้เสมอ แต่ถ้าได้คุยเปิดใจกันก็จะสามารถหาทางแก้ไขได้เช่นกัน เรื่องนี้มีฉากที่ประเทศกรีซ พระเอกไปส่งลูกชายที่เกิดกับภรรยาเก่ากลับไปอเมริกาจากที่ได้มาพักผ่อนอยู่หลายสัปดาห์ เมื่อกลับไปที่พักซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนพระเอก ก็จะมีฉากแบบฉบับของ Before.... ทั้งหลายคือการคุยกัน ทั้งเรื่องความหลังเมื่อพบกัน เรื่องราวในชีวิต การเขียนหนังสือของเจสซี่ ... จนเมื่อคู่นี้ได้ไปพักค้างคืนที่โรงแรมที่เพื่อนมอบให้เป็นของขวัญ ตอนเดินไปโรงแรมก็ยังดีๆกัน มาเป็นจุดแตกหักเมื่อนางเอกรู้สึกแย่ที่พระเอกพยายามให้ย้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อจะได้ใกล้ลูกชายที่พระเอกรู้สึกว่าตัวเองดูแลลูกน้อยไป นางเอกโกรธมากก็มีการระเบิดอารมณ์ใส่กัน แต่ในที่สุดก็เป็นตามแบบฉบับคือ ใจเย็นลงและยอมรับกันได้ในที่สุด
ต้องบอกว่าพระเอกนางเอกคู่นี้เป็นไปตามวัยจริงๆ ดูเรื่องนี้จบแล้วย้อนไปดู Before Sunrise เห็นเซลีนกับเจสซี่ตอนหนุ่มสาว คนละเรื่องกันเลย แถมรู้สึกอินเหมือนคู่นี้มีชีวิตครอบครัวด้วยกันจริงๆเสียด้วย
สรุปว่าเป็นหนังที่ชอบ ถึงแม้จะไม่มากเท่าสองภาคแรกค่ะ
Subscribe to:
Posts (Atom)