Wednesday, August 23, 2006

ไปถีบจักรยานเล่นกันเถอะ

ไปถีบจักรยานเล่นกันเถอะ.... อยู่ดีๆก็มีคนมาชวน คงจะเห็นว่าชีวิตตอนนี้คล้ายงูเหลือมไปทุกขณะ กินและนอนอืด ลำตัวอวบอ้วน.... ก็ได้ค่ะ...ไปก็ไป

จักรยานยางแบน.... คงนึกภาพออกว่ามันถูกทิ้งไว้นานแค่ไหน นอกจากยางจะแบนแล้วยังมีหยากไย่ติดอยู่ให้รู้ว่าไม่มีใครมาสนใจใยดี ก็ต้องสูบลมยาง เช็ดๆถูๆรถ และเนื่องจากเรามีสมาชิก 2 คนแต่มีรถคันเดียว ก็ต้องไปยืมรถของน้องอีกคนมาถีบ (ซึ่งรถก็มีสภาพเดียวกัน เป็นค่านิยมของคนแถวนี้จริงๆ)

เราถีบจักรยานจากหอพักไปทางหลังมอ ผ่านเรือนพักรับรอง ไปทางหอพักนักศึกษา ไปจอดรถจุดแรกที่ 7-11 ซื้อฮอทด็อกมา 2 ชิ้น ซาลาเปาอีก 4 ใบ น้ำดื่ม เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่อดหยากระหว่างทาง

ถีบจักรยานต่อ... ผ่านอาคารไทยบุรี ผ่านโค้งเข้าสู่วงเวียน เลี้ยวซ้ายก่อนถึงวงเวียนไปทางทะเลสาบ ไม่ซิ...เราเรียกว่า "เล้ค" ฟังดูดีกว่าตั้งเยอะ ดวงอาทิตย์จะอยู่ด้านหลัง แดดช่วง 5 โมงเย็นเศษส่องหลังอุ่นสบาย ต่างกันลิบลับกับหันหน้าหาดวงอาทิตย์ หญ้าที่เคยเขียวๆตอนนี้เป็นสีทอง มองไปข้างหน้าเป็นทะเลสาบสะท้อนแสงท้องฟ้า น่าดูมาก ต้นอินทผาลัม 4-5 ต้นที่เคยเห็นเขาเพิ่งเอามาลงอยู่เหมือนจะไม่นาน ตอนนี้ยืนต้นสวยงาม ต้นไทรเตี้ยที่แผ่กิ่งรูปทรงสวยอยู่ใกล้ๆศาลาพักยังดูร่มรื่น อากาศก็ดี อะไรๆก็ดูดีไปหมด มีเสียงแตรรถยนต์บีบเรียก หันไปดู ประชาชนกลุ่มเราอีก 4 คนกำลังขับรถเข้าเมือง ก็เย็นวันเสาร์นะ ไม่รู้จะทำอะไรดี ถีบจักรยานตามทางต่อ ต้นไม้ที่ปลูกริมเล้คพวกกระถินเทพา ที่เมื่อ 2-3 ปีก่อนต้นยังเล็กๆ ตอนนี้สูงเป็นเสาไฟฟ้า ทำให้ริมเล้คดูมีชีวิตชีวาดี จุดนี้จะเป็นจุดที่ชมวิวสวยที่สุด(ตามที่พวกเราเคยเลือกจุดนี้เป็นที่ปิคนิคกัน) ถีบรถต่อไปถึงสะพานเล็กๆ เป็นสะพานเก่าตั้งแต่ก่อนก่อสร้างมหาวิทยาลัย ตอนนี้ไม่ได้ใช้เป็นถนนจริง ลดสภาพเป็นทางเลนจักรยานที่สวยงามอีกจุด เชิงสะพานมีต้นจิกน้ำ ช่วงนี้ดอกที่ออกเป็นสายร่วงหมดแล้วกลายเป็นผลเล็กๆรูปทรงสวยติดกันเป็นสาย จะเก็บมาฝากน้องเพะ(น้องที่ทำงาน) ก็ถูกห้ามบอกว่ามันคัน ...ก็ได้

ถีบจักรยานต่อ...ไปถึงศาลาสุดท้ายสุดทางพอดี มีต้นจามจุรีขึ้นเรียงรายกันหลายต้น อีกหลายๆปีที่นี่คงเป็นลานจามจุรีที่ร่มรื่นมาก จากจุดนี้จะมองกลับไปทางมหาวิทยาลัยได้สวยงามอีกจุด แต่แดดยังแรงอยู่มากก็ต้องพยายามอยู่กันในร่ม ศาลานี้ดูดีเสียแต่ว่ามีคนมือซนไปเขียนกลอนหยาบๆบนเสา แย่จังเลย....:-(

ริมศาลามีต้นหว้าเล็กๆ เอายอดไปกินได้ ตรงหล่มเล็กๆบริเวณนั้นก็มีผักบุ้งขึ้นงาม กินได้อีกแล้ว คิดถึงเรื่องกินๆเราก็เลยกลับไปจอดรถที่สะพาน แวะกินฮอทด็อก จุดนี้คงเป็นที่นิยมแวะมากินของเหมือนกัน เพราะมีซากเปลือกหอยโข่งตัวโตๆอยู่หลายตัว แถบนี้ช่วงน้ำหลาก น้ำจะเต็ม มองไปจะเห็นต้นไม้ใบโกร๋น มีนกมาเกาะดูสวยแบบเหงาๆ แต่ตอนนี้ต้นไม้ขึ้นกันเต็ม สวยแบบมีชีวิตชีวา กินเสร็จ ล้างมือล้างไม้ ถีบจักรยานต่อกลับทางเดิม เจอต้นกระเพราแดงริมทาง(กินได้อีกแล้ว) ไม่นึกเลยว่าแถวนี้จะมีต้นอะไรต่ออะไรอยู่เยอะแยะ ถ้ารู้จักหาท่าทางจะอยู่ได้โดยไม่อด

ถีบรถกลับผ่านวงเวียนไปทางสโมสร แต่เลี้ยวซ้ายแยกไปทางเข้าวัดแสงแรง 6 โมงกว่าๆได้เวลาพอดี กะจะไปดูนกยางควายกลับรัง ระหว่างทางแวะไปดูไซต์งานเก่าตอนนี้เป็นที่ทิ้งขยะ มีต้นกระเพราเต็มไปหมด มีต้นยอป่ากำลังออกลูก เก็บมาดู สวยดู ได้ข่าวว่ากินได้ด้วย แล้วเลี้ยวเข้าวัดแสงแรง ไม่ได้แวะเพราะมีหมาเห่าเต็มไปหมด ถีบรถออกมาอีกทาง เลี้ยวขวาขึ้นบนถนนหลัก ซ้ายมือจะเป็นแอ่งทุ่งหญ้าอุ้มน้ำที่มีนกมาหากิน เคยมาดูนกที่นี่ ช่วงนกเยอะๆ เวลามันบินขึ้นบินลงเป็นฝูง จะเป็นภาพที่สวยมาก มองไปไกลๆจะเป็นวิวเทือกเขาหลวง วันที่อากาศเป็นใจ จะเห็นสีสันภูเขาและท้องฟ้าเป็นสีชมพู ฟ้าหม่น สวยมากๆๆๆ และช่วงเย็นๆอย่างนี้นกยางควายสีขาวจะบินกลับรังทีละฝูงๆ ไปเกาะต้นไม้ที่วัดแสงแรงหลายร้อยตัว น่าดีใจที่มันมีที่อยู่ที่สงบเพราะเป็นเขตวัด ไม่มีใครทำอะไรมัน

ถีบจักรยานต่อ...ระหว่างทางเก็บต้นหญ้าเข็ดมอญมาปลูกต้นนึง ทรงสวยดี ต้นเป็นยา ( และเคยเห็นเขาใช้เป็นส่วนผสมทำพระเครื่องด้วย) เริ่มค่ำแล้ว กลับบ้านดีกว่า....

ถีบจักรยานรอบหนึ่ง เห็นอะไรเยอะแยะ เจออะไรดีๆเยอะ เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายดีอีกต่างหาก ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่ว่าแล้วทำไมไม่ได้ไปถีบจักรยานบ่อยๆน้า.....

No comments: