Wednesday, February 27, 2013

เขาหลวง.....เขาสูง...สวย...จะไปแค่ครั้งเดียวในชีวิตด้วยละ

เขาหลวงเป็นชื่อเทือกเขาในนครศรีธรราราชที่มียอดสูงที่สุดในภาคใต้ที่หนึ่งพันแปดร้อยกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีพืชพันธ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีนกสวยรวมไปถึงนกที่ถือเป็นนกประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชคือนกกินปลีหางยางเขียว แต่เป็นซับสปีชีส์เฉพาะของที่นี่

ฉันได้ไปเยี่ยมเยือนเขาหลวงช่วงวันที่ 12 -14 เมษายน 2542 นานมากแล้ว..... จำไม่ได้ด้วยว่าไปมาเมื่อไหร่ จนเมื่อเช้านี้เปิดไปดูรูปภาพเก่าๆ เห็นภาพสมัยไปเที่ยว ความหลังก็พรั่งพรูกันมา สมควรแก่การบันทึกไว้ก่อนจะลืมไปอีกครั้ง

ใครชวนให้ไปก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าไปกันเป็นกลุ่ม 12 คน มีหนุ่ย ธีรพันธ์ที่เป็นคนพื้นเพของคีรีวงนำทางไปกับมีทีมงานอีก 2-3 คน พวกเราก็มี อ.โอ๊บ พี่กระต้าย พี่เอ น้องอภิรยา หลานพี่กระต้าย ฉิม น้องๆพยาบาลโรงพยาบาลท่าศาลาอีก 4 คน(ซึ่งอึดมาก)

จำได้ว่าวันแรกของการเดินทาง เราเริ่มต้นตอนเย็นจากมหาวิทยาลัย ไปที่คีรีวง ไปกินข้าวเย็นที่ศาลาข้างน้ำตก(ไม่แน่ใจว่าเป็นท่าหา หรือท่าดี แฟนหนุ่ยทำกับข้าวมาให้กิน อร่อยมาก ที่ชอบที่สุดคือน้ำพริกกับผักกูดลวกกะทิ บรรยากาศอาจจะเป็นไจด้วยทำให้อาหารของเรารสชาติอร่อยขึ้น กินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นเขา จุดหมายคือขนำสุดท้ายยังเป็นเขตสวนชาวบ้าน เป็นที่นอนพักแรมก่อนจะขึ้นเขาจริงจังในวันรุ่งขึ้น ทางเดินขึ้นมืดต้องนำทางด้วยไฟฉายและเดินตามๆกันไป บางจุดก็ได้เห็นสัตว์กลางคืนอย่างนางอาย หนุ่ยเอาไฟฉายส่องชี้ให้ดูเห็นมันนั่งตาวาวอยู่บนต้นไม้ ทางเดินทางนี้จะผ่านน้ำตก เราก็เดินตามกันไปก้าวต่อก้าว ฉันก็เดินไปเฉยๆเพราะมองไม่เห็นอะไรต้องเดินตามเขา แต่เส้นทางเดียวกันนี้พอตอนขาลงจะเห็นเลยว่าเป็นน้ำตกที่มีความชันพอควร เดินตอนกลางวันกลับกลัวทำท่าจะเดินไม่ไหวเอา

คืนนั้นเราพักที่ขนำ เป็นกระท่อมแบบเปิด มีฝา 2 ข้าง สามารถนอนเรียงบนเตียงยกพื้น 2 ข้างได้ จำไม่ได้แล้วว่ารู้สึกลำบากหรือเป็นยังไง แต่ก็ผ่านคืนนั้นไปอย่างเรียบร้อย ตอนเช้าตื่นมารู้สึกจะกินข้าวเสร็จสรรพแล้วออกเดินทาง เริ่มต้นก็ยังเป็นสวน พอเดินไปเรื่อยๆก็เป็นป่า เดินขึ้นๆลงๆ บางทีก็อยู่บนสันเขา มีต้นไม้ใหญ่เยอะ ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจพืชพันธ์ธรรมชาติเท่าไหร่ ก็ดูไปตามที่เขาชี้ให้ดู น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าไปตอนนี้อาจจะได้ประโยชน์มากกว่ามาก

เราผ่านสถานที่ที่ถูกตั้งชื่อตามคนที่บุกเบิกรุ่นแรกๆอย่างลานเฮลิคอปเตอร์ ลานดอกเตอร์ชวลิต มีดอกไม้อย่าง สิงห์โตอาจารย์เต็ม เราพบดอกไม้ป่าสวยๆหลายชนิด เห็นบิโกเนีย(ตอนนั้นยังไม่รู้จักบิโกเนียเลย คิดว่ามันเป็นไม้ตามป่าตามเขา) เห็นมหาสะดำ เฟิร์นขนาดใหญ่ ดอกไม้หลายชนิดสีสันสวยงามแต่ไม่รู้จักชื่อ บางต้นมีลูกเป็นสีฟ้า...ย้ำ..สีฟ้า ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

( โพสต์นี้พิมพ์ไว้หลายปีแล้วค่ะ แต่ save draft ไว้ วันนี้มากด publish ก็เลยขึ้นวันเป็นวันนี้)

Saturday, February 02, 2013

Before....Sunrise..Sunset...and Midnight



ตั้งใจจะพูดถึงภาพยนต์เรื่อง Before Sunrise, Before Sunset และ Before Midnight

เพราะกำลังจะมีทริปไปปารีสเดือนพฤษภาคมนี้ ก็ค้นหาหนังที่มีฉากในปารีสมาดูเป็นการใหญ่ ดู Paris Je tiame , Midnight in Paris แล้วก็ดู Before Sunset


ดู Before Sunset แล้วก็ต้องย้อนไปดู Before Sunrise ไม่น่าเชื่อว่าหนังจะคงเรื่องราวสืบเนื่องมาตามเวลาจริง จากเรื่องแรก  Before Sunrise ในปี 1995  หนังเรื่อง Before Sunset มาจับเรื่องราวหลังจากนั้นอีกเก้าปีคือปี 2004  และในปี 2013 นี้กำลังจะมีหนังภาคถัดไปคือ Before Midnight  ไม่น่าเชื่อจริงๆ 18 ปี !!!


หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชอบมาก  โรแมนติกสุดๆ  เป็นหนังที่เน้นบทสนทนาเป็นอย่างมาก แต่ก็ดึงดูดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน มีฉากที่อยู่ในความทรงจำหลายฉาก  และมีอีกหลายฉากที่อยากให้ชีวิตเราได้มีโอกาสทำแบบนั้น ^_^


เดี๋ยวค่อยมาเพิ่มเติม.... book mark ไว้ก่อนว่าอยากคุยเรื่องนี้  :)

Before Sunrise เป็นหนังปี 1995 เรื่องของหนุ่มสาวที่พบกันบนรถไฟยูเรลจากบูดาเปสต์ไปเวียนนาในวันที่ 16 มิถุนายน ปี 1994  เจสซี่เป็นหนุ่มอเมริกันเพิ่งเลิกกับแฟนและกำลังจะบินกลับบ้านจากเวียนนา นางเอก เซลีน กำลังจะกลับไปเรียนที่ปารีสหลังจากมาเยี่ยมครอบครัว เจสซี่ชวนเซลีนให้ลงรถไฟที่เวียนนา โดยมีเวลาแค่วันเดียวเพราะวันรุ่งขึ้นเจสซี่จะบินกลับอเมริกา  สองคนก็ได้เที่ยวไปในเวียนนา  ค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันจากการพูดคุย (เรื่องนี้บทพูดเยอะมากจริงๆ) เป็นอะไรที่ดรแมนติก  เรื่องจบลงที่สถานีรถไฟวันรุ่งขึ้น นางเอกขึ้นรถไฟไปปารีสโดยทั้งคู่สัญญาว่าจะกลับมาเจอกันที่เดิมในอีก 6 เดือนข้างหน้า  

แล้วเวลาก็ผ่านไป...... 9 ปี

Before Sunset เริ่มเรื่องจากพระเอก(เจสซี่)ที่หลังจากเวลาผ่านไป 9 ปีจากที่พบกับนางเอก(เซลีน) ได้เขียนหนังสือชื่อ This Time เล่าเรื่องราวหนึ่งคืนที่ชายหนุ่มพบกับหญิงสาวในยุโรป หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดี เจสซี่มาโปรโมตหนังสือที่ปารีสที่ร้าน Shakespeare and Company (ตั้งใจว่าถ้าได้ไปปารีสจะไม่พลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เขาหันไปเห็นว่าเซลีนเข้ามายืนฟังอยู่ เงียบๆ เขาตื่นเต้นมากและพยายามปลีกตัวหลังการสัมภาษณ์เพื่อออกมาหาเซลีนที่ยืนคอยอยู่หน้าร้าน ฉากนี้ประทับใจมากเมื่อคิดถึงคนที่ไม่ได้พบกันถึงเก้าปีทั้งๆที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน


เจสซี่มีเวลาไม่มากนักก่อนจะเดินทางไปสนามบินเพื่อบินกลับนิวยอร์ก เขานัดหมายเวลาให้รถรอรับ โดยตัวเขาจะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงนี้กับเซลีน การพูดคุยกันพร้อมๆกับการเดินท่องเมืองดูจะเป็นรูปแบบของคู่นี้ที่โรแมนติกและทำให้รู้จักกันลึกซึ้งทั้งๆที่มีเวลาด้วยกันน้อยนิด


เดาซิว่าชีวิตของคู่นี้เป็นยังไงต่อ ต้องต่อที่่ Before Midnight ค่ะ  :)


ส่วนการตามรอยหนัง Before Sunset ใน Paris ก็ได้ไปสมความตั้งใจคือ ไปตั้งต้นจากโบสถ์นอร์ตเตอดาม เดินข้ามแม่น้ำและข้ามถนนมาก็เจอร้าน Shakespeare and Company เป็นร้านที่มีคนคึกคักทีเดียวถึงจะไม่ได้แน่นมาก หน้าร้านมีกะบะขายหนังสือมือสอง มีโต๊ะเก้าอี้ชุดนึงที่นั่งคุยกันได้ วันนั้นเห็นมีสาวคนหนึ่งนั่งคุยกับสาวอีกสองคน คงคุยกันเกี่ยวกับร้านนี้เพราะดูคนหนึ่งท่าทางเหมือนเป็นคนของร้าน  ข้างในดูแคบเพราะหนังสือเยอะมาก เป็นหนังสือภาษาอังกฤษแยกตามหมวดหมู่ ชั้นบนมีมุมเด็ก บรรยากาศอบอุ่น  แต่ไม่ได้ถ่ายรูปข้างใน ออกจะเกรงใจ ได้ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งเป็นบทหนัง Before Sunrise และ Before Sunset สองเรื่องในเล่มเดียว และซื้อถุงผ้าของร้านมาอีกใบหนึ่งเป็นที่ระลึก



จากนั้นก็เดินไปข้างๆร้าน มีถนนเส้นเล็กๆที่พระเอกนางเอกเดินคุยกันไป



พอเดินสุดซอยคู่นั้นเขาก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเล็กๆเส้นนี้ rue Galande ค่ะ เป็นถนนเล็กๆน่ารักมาก


สิงหาคม 2556


มาบันทึกเพิ่มเติมว่าได้ดู Before Midnight แล้ว เนื้อเรื่องของตอนนี้เป็นชีวิตครอบครัวที่มักจะมีปัญหาได้เสมอ แต่ถ้าได้คุยเปิดใจกันก็จะสามารถหาทางแก้ไขได้เช่นกัน  เรื่องนี้มีฉากที่ประเทศกรีซ พระเอกไปส่งลูกชายที่เกิดกับภรรยาเก่ากลับไปอเมริกาจากที่ได้มาพักผ่อนอยู่หลายสัปดาห์ เมื่อกลับไปที่พักซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนพระเอก ก็จะมีฉากแบบฉบับของ Before.... ทั้งหลายคือการคุยกัน ทั้งเรื่องความหลังเมื่อพบกัน เรื่องราวในชีวิต การเขียนหนังสือของเจสซี่ ...  จนเมื่อคู่นี้ได้ไปพักค้างคืนที่โรงแรมที่เพื่อนมอบให้เป็นของขวัญ ตอนเดินไปโรงแรมก็ยังดีๆกัน มาเป็นจุดแตกหักเมื่อนางเอกรู้สึกแย่ที่พระเอกพยายามให้ย้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อจะได้ใกล้ลูกชายที่พระเอกรู้สึกว่าตัวเองดูแลลูกน้อยไป  นางเอกโกรธมากก็มีการระเบิดอารมณ์ใส่กัน  แต่ในที่สุดก็เป็นตามแบบฉบับคือ ใจเย็นลงและยอมรับกันได้ในที่สุด


ต้องบอกว่าพระเอกนางเอกคู่นี้เป็นไปตามวัยจริงๆ ดูเรื่องนี้จบแล้วย้อนไปดู Before Sunrise เห็นเซลีนกับเจสซี่ตอนหนุ่มสาว  คนละเรื่องกันเลย  แถมรู้สึกอินเหมือนคู่นี้มีชีวิตครอบครัวด้วยกันจริงๆเสียด้วย


สรุปว่าเป็นหนังที่ชอบ ถึงแม้จะไม่มากเท่าสองภาคแรกค่ะ