Saturday, January 26, 2013

Very beginning...ดูนก

ไปหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งเป็นบันทึกการดูนกที่ออสเตรเลีย มีการเขียนและวาดรูปเอาไว้ เอามาอ่านอีกครั้งก็รู้สึกดี  กลัวหาย เอามาแปะไว้ตรงนี้ดีกว่าค่ะ

ส่วนตัวเริ่มต้นการดูนกที่ออสเตรเลีย เพราะไปเจอกับพี่ที่ชอบดูนก ก็ได้ตั้งต้นดูนกอย่างจริงจัง เริ่มจากดูนกด้วยตาเปล่ารอบๆตัว นกที่เห็นบ่อยมากคือ Australian Magpie ตัวใหญ่สีขาวดำ  มีนกตัวเล็กกว่าที่เห็นบ่อยพอกันคือ Magpie Lark หรือที่เราเรียกว่า PeeWee,Mudlark (ตัวเมียคอขาว ตัวผู้คอดำ)  นกหน้าตาไม่คุ้นแต่เห็นบ่อยคือ Crested Pigeon  ส่วนพวก Ibis นี่เดินอยู่ในเมือง อยู่ตาม park เชื่องเป็นไก่กันเลย

นกที่ปลาบปลื้มที่สุดที่เจอคือ Tawny Frogmouth   เป็นนกที่บังเอิญเจอด้วยตัวเอง เพราะวันนั้นพวกเราไปเที่ยวดูนกใน Botanic Garden ของ Canberra แล้วฝนตก มีลูกเห็บตกลงมาด้วย เราเข้าไปหลบฝนกันในศาลากลางสวน มีนักเรียนมาหลบฝนอยู่ด้วยหลายคน มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหลบฝน เราก็เชิญให้นั่งด้วยกัน แล้วเห็นว่าเขามีหนังสือคู่มือดูนก ก็คุยกัน เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะมาหา Tawny Frogmouth เพราะได้ข่าวว่าอยู่แถวนี้  เขาชี้จุดเป็นต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้ห้องน้ำ ไม่ไกลจากศาลาที่เรานั่งมากนัก เราก็ตื่นเต้นกันใหญ่พยายามมองหา ก็หาไม่เจอ จนมานั่งหลบฝนกันต่อ แล้วก็ลองส่องกล้องไล่ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเห็นนกตัวหนึ่งลักษณะคล้ายนกปากกบที่เห็นในหนังสือ ก็เลยเรียกให้คนอื่นๆมาดู ใช่นกตัวที่เราตามหาจริงๆด้วย ฟลุ๊คมากๆ เป็นนกที่น่ารักมากจริงๆ  :)

ตอนนั้นเดือนกันยายน 2002 บันทึกวิธีการใช้กล้องไว้ว่า...

"การปรับโฟกัสกล้อง ปกติก็หมุนๆโฟกัสเอาเฉยๆ ใครจะไปรู้ละว่าต้องมองด้วยตาซ้ายหลับตาขวาก่อน ปรับให้ชัด (โดยการหมุนที่ปรับโฟกัสตรงกลางกล้อง  พอชัด)แล้วก็หลับตาซ้ายมองด้วยตาขวา คราวนี้มาปรับ eye piece ทางเลนส์ตาขวา (คือมันจะหมุนๆได้ค่ะ) ภาพจะออกมาชัด เพราะตาเราซ้ายขวาอาจชัดไม่เท่ากัน!  "

 เอิ๊กๆๆๆ  ก็คนไม่เคยดูนกอะ จะรู้อะไรมากมาย  หลังจากนั้นก็ลองหัดวาดรูป หารูปจากปกหนังสือมาวาด

 Kookabara เป็นนกตัวโปรด ชอบมานานแล้ว 

 Cardigan ตัวนี้ก็สามารถชอบได้โดยไม่เคยเห็นตัวจริง เห็นแต่รูปจากปกหนังสือ  :)

 Pattersaon's curse คำสาปแพตเตอร์สัน เป็นวัชพืชในออสเตรเลีย แต่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ยิ่งเวลาบานเยอะๆเป็นทุ่งสวยเชียว  ช่วง spring จะมีเต็มไปหมด

Classical Singing กับ Opera Singing

วันนี้นั่งเปิด YouTube หาเพลงฟังตามปกติ ก็เปิดหาเพลงที่ Katherine Jenkins ร้อง เจอเพลงนี้ 

The Flower Duet - Katherine Jenkins (featuring Kiri Te Kanawa) ( http://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&v=5BxifcP3qQE&NR=1 )  ในคอมเม้นต์ที่คนเขาเขียนกันมีบางส่วนพูดถึง opera singer กับ classical singer ว่าแตกต่างกัน



"mike04535 4 months agoOh you Jenkins trolls do shut up. You have no idea what you are banging on about. CJ is a classical singer, not an opera singer. All opera singers are classical singers but not all classical singers are opera singers. That does not de-value their talent. Julie Andrews, Jeanette McDonald, Deanna Durbin, Kathryn Gayson and othe stars were all classically trained singers and could sing classical songs including opera arias. None appeared in opera but were not considered to be inferior singers."


bexie1992 5 months agoHey I like her, but I do know that she's not an opera singer you can tell that he voice isn't in that style. I love opera and not all of us moan about it when people say she's not an opera singer. She said the she wasn't an opera singer, she said she uses the tone of her voice rather then uses the operatic technique. She can sing what ever song she likes it's up to her. She is a good singers, but she admits that she's not an opera singer.


ประมาณว่า KJ เป็นนักร้องเพลง classic  แต่ไม่ใช่นักร้องเพลงโอเปร่า เพราะไม่ได้ใช้ operatic technique ในการร้อง  แต่ไม่ได้แปลว่าไม่สามารถเพราะจริงๆแล้วนักร้องที่เป็น classically trained singers ก็สามารถร้องโอเปร่าได้ เพียงแต่อาจจะไม่เคยได้แสดงในโอเปร่าเท่านั้น   (นักร้องโอเปร่าทุกคนถือว่าเป็น classical singer  แต่ไม่ใช่ classical singer ทุกคนที่ร้องเพลงโอเปร่า)


พอจะชัดเจนขึ้นเรื่องนักร้องเพลงคลาสสิคกับนักร้องโอเปร่าก็เลยฟังเพลงของ Kiri Te Knanawa คนที่ featuring กับ KJ ใน The Flower Duet ต่อไป   ไปเจอคลิปที่ร้องเพลง I Dream a Dream  แล้วก็มี comment ที่เปรียบเทียบเธอกับ Susan Boyle  และก็มีคนออกมาบอกว่าอย่ามาเทียบ คนละระดับกัน ก็เลยค้นต่อไปอีกว่ามีอะไรบ้าง เจอข่าวของ Daily Telegraph  สรุปว่า Dame Kiri ก็ไม่ได้ปลื้ม Susan Boyle เท่าไร  :)
ก็สนุกดีนะ เรื่องของนักร้องเก่งๆเนี่ย..... :)( http://www.telegraph.co.uk/culture/tvandradio/susan-boyle/7734530/Dame-Kiri-Te-Kanawa-not-interested-in-Susan-Boyle.html )

7:30AM BST 18 May 2010
Dame Kiri said she was ''not interested'' in discussing the YouTube sensation after Boyle performed it on Britain's Got Talent last year.Dame Kiri is involved in the BBC Radio 2 Kiri Prize, a hunt to find an opera star of the future.Asked about Boyle's success with the tune from Les Miserables, she told the Radio Times: ''Let's get off that subject. Move on.''I'm doing something classical, not whiz-bang. Whiz-bang disappears. It goes 'whiz' and then 'bang'.''  "--------------------------------------------------------------------------------จากข้อมูลต่างๆที่ค้นมา ชอบข้อมูลจากเพจนี้ด้วยที่บอกลักษณะของนักร้องเพลงคลาสสิคซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องร้องเพลง opera http://wonderofvoice.wordpress.com/2011/04/01/classical-singing-is-not-always-about-opera/ "   Classical singing is not always about opera.April 1, 2011 by wonderofvoicePeople often have prejudices against opera. This can mean particularly the way singers sound in classical opera as they sing without amplification. Singers spend years in developing their voices to the maximum, building their own instruments and their ”in-built microphone” . This means the voice gets louder and more penetrating because it has to carry over the strong sound of an orchestra. Sometimes this development is taken to an extreme and the beauty of the sound even compromised. There is a lot of carrying power, a strong so called singers formant. At near distance such a voice can literally  hurt in your ears! In many cases these voices are classified as dramatic and may be suitable for certain types of repertoire. The component of brightness is exaggerated in relation to darkness or there is an overly dark pressed phonation– against the old Italian ideal of the balance of chiaroscuro (bright-dark). This can also be a result of too much air pressure. Such overly metallic or unnaturally darkened voices are not always produced with harmful technique but the danger is near.   "


Sunday, January 20, 2013

The sky is so clear tonight. Let's go and see the stars!!!

เมื่อตะกี้ก่อนสองทุ่มออกไปปิดประตูบ้าน เงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นดาวชัดมาก อากาศดีเหมาะแก่การดูดาวสวยๆค่ะ

หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เงยหน้าขึ้นจะเห็นกลุ่มดาวไถชัดมากค่ะ(คุณพ่อบอกว่า ดาวไถเป็นไส้ของดาวเต่า แต่ฝรั่งเรียกกลุ่มดาวนายพราน Orion ค่ะ) และจะเห็นสามเหลี่ยมฤดูหนาวคือดาวบีเทลจุส(ขาหน้าขวาของดาวเต่า) โปรซิออน(ดาวสุนัขเล็ก) และซิริอุส(ดาวสุนัขใหญ่) ลากเส้นสามเหลี่ยมด้านเท่าได้เลย

เงยหน้าสูงขึ้นไปอีกนิด จะมีดาวสว่างสองดวง ดวงเล็กกว่าที่อยู่ข้างล่างคือดาวตาวัว สูงขึ้นไปที่สว่างหน่อยคือดาวพฤหัสบดี ช่วงนี้อยู่ใกล้ดกลุ่มดาววั

เงยไปอีกหน่อยจะเห็นดวงจันทร์ครึ่งดวง เป็นข้างขึ้น วันนี้ขึ้นเก้าค่ำเดือนสองค่ะ

ตามรูปที่แนบมานี้เลย (แต่รูปนี้เขียนฟรีแฮนด์ ไม่ได้ตามสเกลจริงนะคะ)
สวยๆๆๆๆ ออกไปดูดาวกันเถอะค่ะ....




ไฟศิลป์....ของแวนโก๊ะห์

วันนี้อ่านหนังสือเรื่อง ไฟศิลป์ เป็นชีวประวัติที่เขียนแบบนิยายของวินเซนต์ แวนโก๊ะห์ จิตรกร Post-Impressionist ชื่อดังชาวดัชต์ หนังสือเล่มนี้แปลและเรียบเรียงจากเรื่อง Lust for Live ของ Irving Stone แปลโดยคุณ กิติมา อมรทัต มีความรู้สึกว่าเพิ่งเคยผ่านตาเรื่องชื่อเดียวกันนี้ไม่นานนี่เอง แต่เมื่อดูประวัติการตีพิมพ์ เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ใน สตรีสารรายสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2516



ความที่ไม่ค่อยสนใจงานของแวนโก๊ะห์ ถึงจะรู้ว่าภาพเขาราคาแพงก็ตามก็เลยไม่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของเขา จนวันนี้มานั่งอ่านก็พบว่าชีวิตจิตรกรสมัยนั้นมักจะมาอารมณ์คล้ายๆกันคือ ทุ่มเท และแสวงหาความจริง ใช้ชีวิตสุดโต่ง อยู่อย่างยากจนเพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียน

เห็นงานของเขาชนิดที่ไม่ใช่งานดังๆยุคหลัง พบว่าจริงๆเขาก็สามารถวาดภาพแบบธรรมดา สมส่วน แบบชีวิตจริงได้ แต่งานที่เป็นตัวตนจะออกมาอีกแบบ แสดงว่าพื้นฐานของจิตรกรก็สำคัญ แวนโก๊ะห์ ก็ต้องเรียนวาดรูป เรียนอนาโตมี ศึกษาวรรณคดี ไม่ใช่แค่นึกอยากจะเป็นจิตรกร แล้วบอกว่าตัวเองมีพรสวรรค์แล้วก็วาดออกมา

ชอบที่เขาพูดกับพ่อเมื่อพ่อถามว่าทำไมเขาต้องมานั่งอ่านหนังสือฝรั่งโง่ๆอยู่
..........."คุณพ่อครับ" เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ เลอแปร์โกริโยห์ แล้วตอบช้าๆ "ความรู้ในเรื่องการเขียนรูปนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะหัดเขียนรูปคนรูปสัตว์และภูมิประเทศเท่านั้นหรอกครับ แต่มันต้องอาศัยการศึกษาจากวรรณคดีด้วย  ............

.........  แต่ผมไม่อาจเขียนรูปคนรูปสัตว์โดยไม่รู้เรื่องโครงกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นภายในให้ทั่วหมดเสียก่อน  ผมจึงไม่อาจเขียนรูปหัวคนได้ โดยไม่รู้ว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ภายใน อยู่ในสมองและอยู่ในวิญญาณของคนคนนั้นเสียก่อนเหมือนกัน  ในการเขียนรูปชีวิตนั้นผู้เขียนจะต้องเข้าใจไม่ใช่แต่เพียงเรื่องร่างกายเท่านั้น แต่จะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่มนุษย์นั้นรู้สึก และเข้าใจถึงโลกที่เขาอยู่ด้วย จิตรกรที่รู้จักแต่งานของตัวเองโดยไม่รู้อย่างอื่นเลยนั้นก็คือศิลปินเพียงผิวเผินเท่านั้น................
(เพิ่งสังเกตว่าในเรื่องเขาอ่านเรื่อง  HONORE DE BALZAC : LE PERE GORIOT ด้วย Van Gogh มีอายุอยู่ในช่วง 30 March 1853 – 29 July 1890  และ ฺBalzac มีอายุช่วง 20 May 1799 – 18 August 1850)
อีกตอนหนึ่งที่ชอบคือช่วงที่เขาไปอยู่กับน้องชาย ธีโอที่ปารีส เขาพบจิตรกรแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ และช็อคกับรูปแบบสมัยใหม่ที่เขาไม่เคยใช้เทคนิคเหล่านั้น  จากเดิมที่เขาวาดภาพแบบดัชต์หม่นๆมัวๆ แล้วต้องมาใช้สีสดๆและเทคนิคแปลกๆ ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปช่วงหนึ่ง และเกือบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปด้วยการลอกเลียนแบบคนอื่น

ชีวิตของเขาน่าเศร้าทีเดียว และจบชีวิตลงโดยการฆ่าตัวตายในวัยสามสิบเจ็ดปี

อ่านจบไปพร้อมกับทำความรู้จักแวนโก๊ะห์มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ชอบสไตล์งานของเขาอยู่ดี  :)

เพิ่งรู้อีกอย่างว่าเขาสนิทกับโกแกง   (ก็พอกัน .... งานของโกแกง ก็ไม่ชอบเหมือนกัน) ดีนะที่ศิลปินคบกันและเป็นกัลยาณมิตรกันเพื่ออุดมการณ์และงานดีๆของตัวเอง

Oct 2013
มาโน้ตเพิ่มเติมว่า ได้มีทริปไปเนเธอร์แลนด์ ได้ไป Rijkmuseum เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2013 ได้เห็นภาพของแวนโก๊ะหลายภาพ และได้เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ Van Gogh ด้วย และ...อย่างที่คาด ไม่ได้เข้าไปชมค่ะ





Friday, January 11, 2013

พันทิปในตำนาน

ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา เว็บไซต์พันทิปมีการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ โดยก่อนปรับก็ได้มีการทำเว็บไซต์ให้ใช้งานขนานกันมาพักหนึ่ง แต่พูดกันตามจริง แม้แต่ตัวเองก็ขี้เกียจจะไปลองใช้ เพราะชินกับการใช้งานแบบเดิม คิดว่าถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปเลย ไม่เป็นไร

หลังจากเปลี่ยนมาใช้เว็บใหม่ พบว่ามีเสียงบ่นจากสมาชิกมากมาย โดยเฉพาะระบบ Tag

จากเดิมในเว็บบอร์ดของพันทิปจะแยกเป็นห้องๆ คนที่สนใจเรื่องเดียวกันก็มาสิงอยู่ที่เดียวกัน รู้จักกัน และมีผู้รู้ในเรื่องนั้นๆเข้ามาให้ความรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ระบบใหม่ยังคงแยกห้องอยู่ แต่เพิ่มให้ว่าสามารถ tag ได้ตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ยกตัวอย่างเช่น อยู่ห้องเฉลิมไทยซึ่งเกี่ยวกับบันเทิง แต่ต้องการพูดเกี่ยวกับเรื่องราวหนังไทยซักเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาในประเทศต่างๆก็อาจจะเจอ Tag  "ภาพยนต์ไทย"  "ศานาพุทธ" และ "เที่ยวต่างประเทศ" ขึ้นกับคนตั้งกระทู้ว่าจะอยาก tag อะไรบ้าง ผลก็คือกระทู้นั้นจะไปปรากฏอยู่หลายที่มาก บางที่คนในห้องนั้นก็จะรู้สึกว่าไม่เกี่ยว จะโผล่มาอยู่ในห้องนี้ทำไม คนก็เริ่มเบื่อพันทิป คนเก่าๆที่เคยเข้าก็หายหน้าไป




 ส่วนตัวก็เฉยๆ เพราะถึงจะเป็นของใหม่แต่ก็รับได้ รำคาญก็แต่คนที่ Tag ไม่รู้เรื่องรู้ราว คิดว่าต่อไปคงจะดีขึ้น นี่เพิ่งใช้งานมายังไม่ถึงสองอาทิตย์เลย ^_^

ชอบความเห็นนี้
ความคิดเห็นที่ 27
พันทิปคิดเยอะเกิน เห็นคนใช้งานมากเลยสำคัญตัวผิด คิดว่าคนชอบเวป

เหตุที่คนมาเยอะ เพราะว่าคณภาพของสมาชิก และข่าวสารข้อมูล ความรู้ มากกว่า

เหมือนสภากาแฟ กาแฟไม่ต้องอร่อยก็ได้ แต่คนนั่งกินเป็นคอเดียวกัน ทุกอย่าง OK



---------------------------------------------------------------------
เข้ามาบันทึกเรื่องที่รำคาญไว้ก่อน เดี๋ยวลืม

  1. การที่แสดงเวลาโพสต์เป็น ช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือน FB แทนที่จะระบุเวลาให้ชัดเจนไปเลย ต้องมานั่งบวกลบคูณหาร เสียเวลา (ในที่สุดก็แก้ไขแล้ว :) )
  2. การแทรกความคิดเห็นโดยการไปตอบความคิดเห็นบนๆ ทำให้การตอบกระทู้ไม่เป็นตามลำดับเวลาจริง กระทู้ข่าวตามหนังสือพิมพ์เป็นแบบนี้ แต่พันทิปไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ก็ได้
  3. การใช้พื้นที่ไม่เหมาะสม เปิดอ่านแล้วรู้สึกว่ามีพื้นที่ว่างทางขวามือมากเมื่อเทียบกับทั้งหน้าจอ
  4. กระทู้แนะนำน่าเบื่อมากเพราะกระทู้เดียวสามารถขึ้นกระทู้แนะนำได้หลายห้อง เข้าไปแต่ละห้องแล้วเจอของเดิม
  5. คนเข้าพันทิปน้อยลง เพราะดูรายชื่อคนที่เห็นบ่อยๆในห้องที่เข้าประจำก็หายไปหรือไม่ก็โพสต์น้อยลง ขาดคุณภาพของข้อมูล
  6. ไม่มีการแตกกระทู้
  7. การให้สีของโพสต์ไม่มีสีต่างๆที่แยกแยะได้ง่ายเหมือนเว็บเดิม บางคนใช้สีและ alignment ที่เลือกเป็นแบบของตัวเองไว้ เมื่อมาใช้เว็บใหม่ไม่มีให้เลือกทุกโพสต์เหมือนกัน ยกเว้นสีของ จขกท
  8. smart search ไม่มี
  9. คลังกระทู้เก่าไม่มี
  10. การเลือกเฉพาะห้องที่เราต้องการดูไม่สะดวก เช่น เข้าห้องสมุดต้องการดูเฉพาะห้องประวัติศาสตร์ ไม่รู้จะทำยังไง คิดว่าต้องไปเลือกว่า tag ไหนจะดู tag ไหนจะไม่ดู ยุ่งยากกว่าอันเก่าที่ใช้การ click เลือกที่หน้าห้องย่อยนั้นๆได้เลย
  11. การ tag ข้ามห้องมากเกินทำให้คุณภาพของห้องนั้นๆลดลง เช่น ถ้าเป็นการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่ไปทำเป็นหนังไทย คนอ่านอาจเป็นคนที่ห้องการ์ตูน ห้องหว้ากอ และห้องเฉลิมไทยซึ่งมีความรู้ความคิดและประสบการณ์ในแต่ละเรื่องคนละ mind set กัน เวลามาแสดงความเห็น แทนที่จะทำให้หลากหลายกลับจะน่าเบื่อ เหมือนเอาคนที่ไม่ใช่คอเดียวกันมานั่งคุยกัน น่าเบื่อมาก


Thursday, January 03, 2013

พระอุปคุต

เคยเห็นรูปปั้นท่านที่วัดชเวซีโกวที่พุกาม แล้วมาเห็นใน FB ของเพื่อนที่ไปเที่ยวเกาะเกร็ด คิดว่าเป็นเพราะที่เกาะเกร็ดเป็นเมืองมอญ ก็จะนับถือพระอุปคุตแพร่หลายกว่าในประเทศไทย

ลองเข้าไปถามในพันทิป ได้ข้อมูลมาประมาณนี้ค่ะ
http://www.pantip.com/topic/30004897


วันนี้ดูรูปใน Facebook ของเพื่อนที่ไปเที่ยวเกาะเกร็ด เห็นพระพุทธรูปที่ท่าเหลียวหน้าไปทางขวา มืออุ้มบาตร มีป้ายเขียนว่า พระอุปคุต จำได้ว่าตอนที่ไปพม่า เคยเห็นพระลักษณะอย่างนี้ประดิษฐานอยู่กลางสระเล็กๆให้คนไปบูชา ลองไปค้นประวัติก็ทราบว่าท่านเป็นพระที่มีพุทธานุภาพและมีฤทธิ์ ลองค้นรูปก็เห็นเป็นรูปพระรูปแบบเหมือนปกติก็มี รูปที่เหลียวหน้าก็มี ก็เลยอยากทราบค่ะว่า ทำไมจึงปั้นพระอุปคุตให้เงยหน้าเหลียวไปทางขวาคะ ใครพอมีข้อมูลขอรบกวนค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ