Thursday, February 23, 2012

Sifakas ลิงขาว...ราวกับหนุมาน


By SurreyJohn - Own work, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=35531490

เมื่อคืนดูรายการสารคดีชีวิตสัตว์ มีรายการหนึ่งพาไปดูชีวิตของลีเมอร์ ซิฟาคา ซึ่งหน้าตาคล้ายๆลิง ขนสีขาวสวย หน้าดำ กระโดดได้ไกลมาก เพราะหากินบนต้นไม่ที่มีหนามแหลม แล้วใช้วิธีกระโดดข้ามจากต้นนี้ไปต้นนั้น ไม่กลัวหนามกันเลย มันกินดอกอ่อน ใบอ่อน ของต้นไม่มีหนามพวกนั้น ซึี่งมีน้ำเพียงพอโดยไม่ต้องไปหาน้ำที่แหล่งอื่นเพิ่มอีก (ซิฟาคามีหลายชนิดย่อย มีชนิดที่เก่าแก่กว่านั้นคือพวกที่อาศัยในป่าเขตร้อน ตัวจะสีคล้ำกว่า แต่ก็สามารถกระโดดได้แบบเดียวกัน)


ว่าไปแล้วซิฟาคาเหมือนลิงมากกว่าลีเมอร์ ใช้ขาทั้งสองคล้ายคนมากกว่าลิงหรือลีเมอร์ชนิดอื่นๆ

ที่สะกิดใจคือ ตอนที่มันกระโดด จะกระโดดจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งโดยใช้ขาหลังไปจับที่กิ่งที่กระโดดไป แล้วมันสามารถกระโดดไปมาได้เร็วมาก นึกถึงนิยายกำลังภายในขึ้นมาทันทีที่เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามต้นไม้ จะเห็นแบบมาจากซิฟาคาพวกนี้หรือเปล่านะ

ท่าทางอีกอย่างที่คุ้นตามากคือการกระโดดไปบนดิน เวลาที่ลงมาจากต้นไม้ มันจะกระโดดตัวเอียงๆ ใช้ขาสองข้างทีละข้างก้าวไป แต่จังหวะกระโดดลงเกือบจะพร้อมกัน เห็นแล้วนึกถึงหนุมาน ตอนที่เขาแต่งเรื่องรามเกียรติ์ เขาจะเคยเห็นลีเมอร์พวกนี้บ้างไหม จริงๆแล้วนึกไกลไปถึงโขนด้วยซ้ำ เวลาที่ตัวลิง ตัวยักษ์ออกมา ก็จะเต้นตัวเอียงๆออกมาแบบนี้

ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ตัวโปรดของฉันไปแล้ว ชอบจริงๆเลย

ตามไปดูรูปจากลิงก์นี้แล้วกัน http://www.burrard-lucas.com/photo/madagascar/sifakas_jumping.html

แล้วก็ดูท่ากระโดดจากวิดิโอนี้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=8fzpeCR2JmQ&feature=related


Sunday, February 19, 2012

Joshua Bell .... เพิ่งรู้จักอีกแล้ว

วันนี้มีน้องโพสต์ใน Facebook ว่า "หรือจังหวะชีวิตก็อาจทำให้เราพลาดอะไรบางอย่างไป" แล้วก็มีเรื่องของนักไวโอลินไปเล่นไวโอลินที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งใน Washington DC เล่นไปประมาณ 45 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งก็เป็นที่คาดเดาได้ว่าผู้คนจะเร่งรีบกันมาก ช่วงเวลานั้นมีคนเดินผ่านไปมาประมาณ 1,100 คน แต่มีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ได้หยุดฟังเขาเล่นไวโอลิน มีประมาณ 20 คนให้เงินเขาซึ่งรวมแล้้วเป็นเงินจำนวน 32 เหรียญ จนถึงตอนที่เขาหยุดเล่นก็ไม่มีใครสนใจ

จริงๆแล้ว นักไวโอลินคนนี้คือ Joshua Bell หนึ่งในนักดนตรีอัจฉริยะของโลก เพลงที่เขาเล่นเป็นระดับมาสเตอร์พีซ และเขาเล่นเพลงด้วยไวโอลินที่มีมูลค่ากว่า 3.5 ล้านดอลล่าร์

การแสดงชุดนี้ถูกจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ Washington Post เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้ รสนิยม และการให้ความสำคัญของคน ซึ่งก็ได้ข้อคิดมาว่า

"If we do not have a moment to stop and listen to one of the best musicians in the world playing the best music ever written, how many other things are we missing?"

อ่านแล้วก็งงๆกับชีวิตว่าทำไมไม่เคยรู้จักหนุ่มคนนี้ ก็เลยไปค้นข้อมูลในเว็บ ประวัติความเก่งกาจมีเพียบ แถมไวโอลินที่เขาใช้เป็นของ Stradivarius ( เหมือนในเรื่อง Red Violin) กะว่าเดี่ยวจะค้นเรื่องไวโอลินต่อ จะได้ต่อเนื่องจากโพสต์ก่อน
http://singingbluejay.blogspot.com/2010/04/red-violin.html

Friday, February 10, 2012

เรื่องเก่าๆ

วันนี้นั่งคุยกับคุณพ่อและพี่สาวหลังกินข้าวกลางวัน เริ่มจากคุยเรื่องฝรั่งที่มาทำงานเมืองไทย ไม่ใช่ทุกคนที่คนไทยจะนับถือได้ แล้วคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าฝรั่งที่เข้ามาสมัยก่อนจะทำตัวน่านับถือ แม้จะเป็นฝรั่งที่เข้ามาทำเหมืองก็จะมีความรู้ดี เก่งจริง และมีการวางตัวที่เหมาะสม ยิ่งถ้าเป็นชาวอังกฤษจะวางตัวดีมากๆ บางคนไปไหนก็จะถือร่มติดตัวตลอดเวลาตามธรรมเนียมอังกฤษ อย่างในระนอง เวลาฝรั่งจะกินข้าวก็จะมีร้านเฉพาะที่ดูดี กินอาหารกระป๋อง เป็นต้น

แล้วก็คุยกันต่อถึงคนที่หน้าตาคล้ายฝรั่ง เช่นที่โรงเรียนสหายวิทย์ที่ระนอง สมัยที่ยังเรียนตอนเด็กมากๆ อาจารย์ใหญ่ชื่อ ขุนเผดิมเกิดบ้านตะเคียน หน้าตาเหมือนฝรั่ง คุณพ่อบอกว่าถ้านามสกุลนี้ แสดงว่าพื้นเพเดิมอยู่ที่ถลาง และอาจมีเชื้อฝรั่งจริงเพราะแถวนั้นมีฝรั่งอยู่เยอะ แต่ตัวขุนเผดิมเป็นบัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬา มีความทรงจำกับอาจารย์ไม่มากนัก เพราะรุ่นต่อมาที่จำได้จะจำว่าอาจารย์ใหญ่ชื่อครูแดง

คุณพ่อเคยทำงานกับบริษัทภูเก็ตติน บริษัทพวกนี้เป็นของฝรั่งทั้งนั้น ฝรั่งออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย ส่วนใหญ่มาเป็นคนงานชั้นดี ฝรั่งนายงานมักเป็นคนอังกฤษ คนฮอลันดา หรือถ้าเหมืองสูบก็จะเป็นนายงานจีนที่เรียนรู้มาจากภูเก็ต คุณพ่อบอกว่าสมัยก่อนมองออกว่าเป็นฝรั่งชาติไหน ฝรั่งก็มีชนชั้น ฝรั่งอังกฤษก็จะเป็นระดับสูงซึ่งก็ใหญ่จริงๆ ฝรั่งอื่นก็ต้องนอบน้อมกว่า

คุณนายก็เป็นลูกฝรั่งอังกฤษ แม่ไทย(ซึ่งมีสามีคนไทยพม่าอีกคนหลังจากฝรั่งกลับไป)

ที่ระนองบริษัทเหมืองแร่ที่มีชื่อได้แ่ก่ ไซมิสติน บางริ้นติน ระนองคอนโทรล(ตรงที่เป็นบ้านเราตอนนี้ ไปแถวโรงเรียนพิชัยด้วย) ทีหลังระนองคอนโทรลขายให้เจ๊กทำเหมือง แล้วเขาก็แบ่งให้ท่านขุนสวัสดิ์ภักดีด้วย ก็ได้ทำเหมืองแร่หาบ หรือเหมืองสูบด้วย (ของฝรั่งจะทำเรือขุด) ฝรั่งจะได้ปทานบัตร สัมปทานเขาจะได้กันนานเป็น 99 ปีเป็นต้น ทำเป็นที่เช่า คนไทยก็ไม่มีสิทธิ์ หลัง 99 ปีสภาพก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ราคาเช่า เช่นหนึ่งบาทต่อเดือน คนฝรั่งอยู่ในระนองเป็นร้อยคน เป็น นายช่าง นายงาน หัวหน้าสำนักงาน ฯลฯ

เรือขุดแร่ที่หลังสวนก็มีเยอะ เช่น เรียกว่าเรือบ้านควนหินมุ้ย ฝรั่งบางคนก็พูดไทยได้นิดหน่อย คนไทยเราก็รู้ภาษาเหมืองแร่หน่อยหนึ่ง สรุปว่าสื่อสารกันได้ สมัยก่อนคนงานมักเป็นคนจีนมากกว่าเมืองไทย ขนกันมาจากปีนัง ปีนังเองก็เหมืองทั้งนั้น

คนฝรั่งหมดเอาตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นจับฝรั่งเกือบหมด กิจการเลิก แต่ญี่ปุ่นไม่ทำเหมือง คนจีนคนไทยจึงได้ทำเหมืองต่อ นายช่างก็เอามาจากวิศวะจุฬา กรมโลหกิจส่งมา เพราะเหมืองช่วงนั้นถูกปล่อยทิ้ง วิศวกรเข้ามาคุมทั่วภาคใต้เพราะคนมีความรู้ไปหมดแล้ว ต้องนำคนไทยเข้ามาคุม โดยใช้ความชำนาญของคนงานที่เคยทำมาก่อน