Sunday, April 29, 2007

"The Phantom of the opera" in Singapore

ต้องแอบสารภาพว่าแรงจูงใจอย่างหนึ่งที่ทำให้อยากร่วมทริปไปสิงคโปร์กับทีม PBL คือได้ข่าวว่าจะมีละครมาเล่นที่สิงคโปร์ ตัวเองไม่เคยได้มีโอกาสดูละครเลยทั้งๆที่เคยโฉบไปลอนดอน เคยไปเดินโต๋เต๋แถวบรอดเวย์ ฟังเพลงของ Sarah Brightman และ Highlights จากละครเรื่องนี้จนแทบจะร้องเพลงได้หมด เพราะฉะนั้นเที่ยวนี้ ไม่มาไม่ได้แล้ว

ละครเพลงเรื่องนี้มาเล่นที่สิงคโปร์ช่วงวันที่ 23 มี.ค. - 20 พ.ค. 2007 มีรอบบ่าย 2 และรอบ 2 ทุ่ม เล่นที่ The Esplanade เราได้ตั๋วรอบ 2 ทุ่มคืนวันที่ 18 เมษายน จำเป็นต้องเป็นรอบนี้เพราะเราไปดูกัน 6 คน มี 3 คนที่ต้องกลับตามกำหนดการปกติ เราได้ตั๋วราคา 95 เหรียญสิงคโปร์ (คูณด้วย 23.25 บาท) ที่นั่งเป็น Circle 3 ซึ่งอยู่ชั้นบนมากๆ สูงชนิดถ้าตกลงมาจากที่นั่งมีสิทธิคอหักตายเอาง่ายๆ เห็นคนแสดงตัวนิดเดียว มิน่าเขาถึงต้องใช้ binacular เวลาดูการแสดง แต่ของเรามีพี่เขาเอา binoc ขนิดส่องนกไปด้วย เห็นหน้าตัวละครชัดมาก


การแสดงนี้อลังการงานสร้างจริงๆ ต้องยอมรับว่าไม่เคยได้ดูอะไรประทับใจขนาดนี้ การจัดฉาก เต็มสิบ เครื่องแต่งกายเต็มสิบ การร้องเพลงเต็มสิบ สรุปว่ารวมทุกอย่าง Perfect Ten!

หน้าโรงมีการขายของที่ระลึกเช่น CD เสื้อ หนังสือ (หนังสือเล่มละ 25 เหรียญ แต่เนื่องจากเคยซื้อเล่มเก่ามาได้ในราคาแค่ 4 เหรียญAustralia ก็เลยตัดใจซื้อไม่ลง) ของทุกอย่างแพงสำหรับคนไทย ก็เลยไม่ได้อะไรกลับมาเลย

เรื่องมันยาว ไว้ค่อยกลับมา update บรรยากาศการเข้าชมอีกทีดีกว่านะ

ข้อมูล:
The Phantom of the Opera

ละครเพลงเรื่องนี้เริ่มเปิดการแสดงที่ Her Majesty's Theatre เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปี1986โดยมีผู้แสดงนำคือ Michael Crawford และ Sarah Brightman

ประมาณกันว่ามีคนมากกว่า 80 ล้านคนได้เคยชมการแสดงและมียอดขายบัตรเกือบจะถึง 32 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการแสดงที่ได้รับรางวัล Laurence Olivier and Evening Standard Award for Best Musical และอีก 7 รางวัล Tony Awards.

ละครเรื่องนี้เปิดการแสดงหลายแห่งนอกเหนือจากที่ West End ในประเทศอังกฤษ ก็มีการแสดงที่ New York, Sao Paulo, Essen, Tokyo และ Budapest และในเดือนมิถุนายนปีนี้ จะมีการเตรียมการแสดงมูลค่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐที่ Venetian, Las Vegas

The Phantom of the Opera ฉบับภาพยนต์กำกับโดย Joel Schumacher นำออกฉายปลายปี 2004 โดยมี Gerard Butler แสดงเป็น The Phantom, Emmy Rossum แสดงเป็น Christine, Patrick Wilson แสดงเป็น Raoul และ Minnie Driver แสดงเป็น Carlotta


The Phantom ได้เปิดการแสดงมากกว่า 65,000 รอบใน 20 ประเทศ ใน 11 เมืองรอบโลก ให้แก่คนมากกว่า 80 ล้านคน

ได้มีการฉลองการแสดงรอบที่ 7000 ที่ The Majestic Theatre ในเมือง New York เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2004 และฉลองการแสดงครบรอบ 20 ปีที่ the West End


It has won over 50 major theatre awards including 3 Olivier Awards, the most recent being the 2002 Oliver Audience Award for Most Popular Show, an Evening Standard Award, 7 Tony Awards including Best Musical, 7 Drama Desk Awards and 3 Outer Critic Circle Awards.
The original cast recording was the first in British musical history to enter the charts at number one. Since then it has gone gold and platinum in the UK and US, selling over 40 million copies worldwide. It is the biggest selling cast album of all time.
The New York production became the longest running show ever on Broadway when it overtook CATS with its 7,486th performance on January 6th 2006.
The dazzling replica of the Paris Opera House chandelier is made up of 6,000 beads consisting of 35 beads to each string. It is 3 metres wide and weighs one ton. The touring version falls at 2.5 metres per second. The original version was built by 5 people in 4 weeks.
The Phantom's make-up takes 2 hours to put on and 30 minutes to take off. The face is moisturized, closely shaved and the prosthetics are fitted, setting immediately, before 2 wigs, 2 radio mics and 2 contact lenses (one white and one clouded) are placed.
2,230 metres of fabric are used for the drapes, 900 of them specially dyed. The tasselled fringes measure 226 metres. They are made up of 250 kilos of dyed wool interwoven with 5,000 wooden beads imported from India. Each one is handmade and combed through with an Afro comb.
There are 130 cast, crew and orchestra members directly involved in each performance.
Each performance has 230 costumes, 14 dressers, 120 automated cues, 22 scene changes, 281 candles and uses 250 kg of dry ice and 10 fog and smoke machines.
The touring production takes 27 articulated lorries to transfer the set between theatres

Wednesday, April 25, 2007

ดูงาน PBL ที่สิงคโปร์

ที่มหาวิทยาลัยมีการจัดไปดูงานที่สิงคโปร์ช่วงวันที่ 18-20 เมษายน 2550 สำหรับทีมทำงานและตัวแทนจากสำนักวิชา ทีแรกก็เฉยๆเพราะไปสิงคโปร์ก็ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว แต่พอคิดว่าถ้าสำนักจะทำ PBL ยังไงก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นคนทำด้วยคนหนึ่ง แล้วก็ได้ฟังรายชื่อผู้ร่วมทริป แถมได้ข่าวว่ามีละคร The Phantom of the opera มาเล่นที่สิงคโปร์ รู้สึกว่าน่าสนใจขึ้นมาทันที

ในที่สุดก็หาทีมได้รวมทั้งหมด 4 คน ที่จะร่วมชะตากรรมกันต่อว่าเมื่อเสร็จสิ้นการดูงานเราจะอยู่ต่ออีก 2 วัน เสาร์ อาทิตย์ เพื่อจะเที่ยว Jurong Bird Park กับ Botanic Garden และเราก็หาสมาชิกที่ไปดู The Phantom ด้วยกันได้ทั้งหมด 6 คน รอบ 2ทุ่ม วันที่ 18 เมษายน

แพลนกันเสร็จสรรพล่วงหน้าเพื่อจะพบว่า passport หมดอายุ ก็ต้องรีบไปทำใหม่ในทันที ไปทำ passport วันที่ 2 เมษายน โชคดีมากที่เขาเพิ่งเปิดที่ทำหนังสือเดินทางจุดใหม่ที่ศาลาประชาคมสุราษฎร์ ออกจากนครตั้งแต่เช้า ถึงสุราษฎร์ 7 โมงกว่า เข้าไปรอเป็นคิวที่ 2 พอเขาเปิดให้ทำปุ๊บก็ได้ทำเลย เดี๋ยวนี้ทำง่ายมากต้องการแค่บัตรประจำตัวประชาชนอย่างเดียว และก็นิ้วมือด้วยเพราะเขาใช้สแกนลายนิ้วมือเอา ใช้เวลาทำแค่ 15 นาทีก็ออกมาได้ ให้เขาส่ง passport ไปที่ทำงาน จะใช้เวลาประมาณ 7 วัน จริงๆด้วย เพราะได้รับวันที่ 9 เมษายน พอดี ต้องโน้ตไว้ด้วยว่าน้องๆที่ให้บริการส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวรุ่นใหม่ น่ารัก พูดเพราะ มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ดีใจที่หน่วยงานราชการมีพนักงานดีๆแบบนี้

ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยด้วยรถตู้ตั้งแต่ 4โมงครึ่ง ไปถึงสนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 2 ทุ่ม เราเดินทางกับ Tiger airline เที่ยวบิน TR139 ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ เที่ยงคืน(เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง) เข้าพักที่โรงแรม RELC International Hotel


สมาชิกที่ดูงานทั้งหมด 29 คน เขาจัดให้ไป 4 ที่ วันแรก(วันที่18) ไปที่ NUS(National University of Singapore) ไป Medical school ของเขามีการใช้ PBLในการเรียนประมาณ 20% ตอนบ่ายไปที่ Republic Polytechnic แต่ไปพบกับทีมงานของ Republic of Singapore Air force วันที่ 2 ไปชม Temasek Polytechnic ที่นี่จัดสถานที่สวยมาก สวยกว่าทุกแห่งที่ได้ไป การต้อนรับก็เยี่ยมมาก เป็นมืออาชีพทุกคน ตอนบ่ายเขาปล่อยให้ว่าง ก็ได้ไปเที่ยวแทน วันที่ 3 ไป Republic polytechnic ที่นี่ประทับใจกับห้องสมุดที่ใช้แนวคิดว่า ห้องสมุดจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเงียบ แต่เป็น "living room with the book shelves" เห็นแล้วอึ้งไปเลย ได้เข้าไปดูการเรียนการสอนในห้องจริงๆด้วย ถึงได้รู้ว่าเขาทำได้จริง มีประสิทธิภาพเสียด้วย

ข้อที่น่าสังเกตจากการไปดูงานคือว่า PBL เป็นแนวคิดที่ปฏิบัติได้จริงและมีการใช้งานอยู่อย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน น่าที่จะนำมาใช้ให้มากขึ้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าการนำมาใช้ต้องมีสิ่งสนับสนุนมาก สิงคโปร์เหมือนลูกคนรวย ทำอะไรเงินไม่เป็นปัญหา เด็กทุกคนใช้ notebook เด็กไทยจะมีกันขนาดนั้นหรือเปล่า อีกอย่างคือความตั้งใจของผู้ปฏิบัติ ประทับใจความเป็น teamwork ของแต่ละคนที่ทำงาน ในที่ประชุม เขาสามารถส่งลูกกันไปมาได้โดยแต่ละคนรับลูกกันได้ แสดงว่าเขาทำจริง และรู้จริง ออกจะอิจฉานิดๆ

เขาให้จับกลุ่มทำรายงานสำหรับแต่ละแห่ง เนื่องจากวันที่เขาประชุมเตรียมงาน ไม่ได้ไปเข้าประชุม ชื่อก็เลยปรากฏหราว่าเขาสั่งมาให้เป็น chair ของกลุ่มที่ทำรายงานของ Temasek Polytechnic ดีว่าสมาชิกกลุ่มเป็นประเภทมือโปรกันทั้งนั้น ....:-)

คืนวันที่ 20 ประชาชนร่วมทริปก็กลับเมืองไทยกันตามกำหนดการ เหลืออยู่ 4 หน่อที่อยากเที่ยวต่อ....เรื่องราวเอาไว้เป็นอีกหัวข้อนึงก็แล้วกันนะ