Wednesday, February 21, 2007

งานศพขุนพันธ์

ตั้งแต่ขุนพันธ์ถึงแก่กรรมไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว หลังจากจัดงานศพแล้ว ร่างท่านถูกเก็บไว้ที่ชั้นสอง ของศาลาร้อยปีในบริเวณวัดมหาธาตุฯ งานเผาศพขุนพันธ์จะเป็นพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯจะเสด็จมาด้วยพระองค์เองในวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550 คาดว่าจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากอีกงานของนครศรีธรรมราช มีทั้งผู้เคารพนับถือท่านในฐานะตำรวจคนตรงผู้เก่งกล้า และในฐานะอาจารย์ผู้ชำนาญเวทย์ ข่าวบอกมาว่าจะมีการแจกเหรียญพระในงานศพจำนวน 50,000 เหรียญ ตั้งแต่ท่านสิ้น เหรียญในพิธีใดๆที่มีท่านเกี่ยวข้องดูจะขยับมีราคาขึ้นมาทันที คนคงจะมางานกันมืดฟ้ามัวดิน ช่วงนี้ที่ลานหน้าศาลาร้อยปีจึงมีการจัดเมรุอย่างยิ่งใหญ่ เห็นเริ่มจัดมาหลายวันแล้ว แต่คืนนี้เพิ่งมีการเปิดไฟที่เมรุ ดูจากข้างนอกสวยงามมาก


มีคนมากราบศพกันมากมาย และคงมากันต่อเนื่อง เพราะตอนที่เข้าไปในบริเวณเป็นเวลาสามทุ่มเศษแล้ว ก็ยังมีคนอยู่กันมากพอควร ทีมจัดดอกไม้กำลังลงมือจัดดอกไม้สด เป็นหรีดใบไม้กับดอกไม้สีขาว บริเวณฐานเมรุเป็นภาพวาดในเรื่องรามเกียรติ์ตอนต่างๆ ดูสวยและอลังการสมศักดิ์ศรีขุนพันธ์


การบำเพ็ญกุศลจะมีทั้งหมด 3 วันมีกำหนดการติดไว้ที่หน้าประตูศาลาร้อยปี

ในบริเวณลานพิธีมีวงปี่พาทย์มาแสดงในงาน


บนชั้นสองของศาลาร้อยปีมีคนไปไหว้ศพและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันมากเช่นกัน




พวงหรีดพระราชทานจากเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ถูกจัดไว้เคียงกับโลงศพขุนพันธ์


มองลงมาจากศาลาร้อยปี บริเวณลานพิธีช่วงสามทุ่มเศษ จะมีสภาพแบบนี้ มีตำรวจมาประจำเต็มไปหมดทั้งในบริเวณและนอกวัด



คืนนี้ได้ไปดูความคืบหน้าของงานเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องไปก่อนเพราะคาดว่าในวันจริงคงไม่มีปัญญาฝ่าคลื่นมหาชนที่มาในงานของขุนพันธ์ คงจะได้ทำบุญให้ท่านในโอกาสต่อๆไป


คืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ออกจากบ้านราวๆ 4 ทุ่มครึ่ง กะว่ารอให้คนซาลงซักนิดจะได้ไปไหว้ศพได้ ไปถึงแยกประตูชัยก็ถูกกั้นให้ไปทางถนนหลังพระธาตุ คนยังมากอยู่ถึงแม้จะเห็นคนทยอยกลับกันหนาตา ไปทำธุระกลับมาอีกครั้งประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ขับรถมาจากทางศาลากลาง ถูกกั้นรถให้หลบไปทางซอยพานยม คนยังแน่นและมีคนรุมตำรวจกันพอควร ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยกลับบ้าน มาดูข่าวทีหลังปรากฏว่าคนที่ไปยังคอยกันเพราะยังไม่ได้รับแจกเหรียญที่ระลึก มีคนไม่พอใจกันมากเพราะต่างคนก็หวังกันว่าจะได้เหรียญกลับไป ได้ข่าวว่ามีการแจกเหรียญกันตอนตีสี่ และเหรียญหมดไปแล้ว


Monday, February 19, 2007

วัดท้าวโคตร.....ในความทรงจำของพ่อ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจิตรกรรมบนแผ่นไม้คอสอง
http://kaekae.oas.psu.ac.th/rlej/include/getdoc.php?id=1106&article=384&mode=pdf

วัดท้าวโคตรเป็นวัดที่อยู่คู่นครศรีธรรมราชมานาน สมัยที่ฉันเริ่มมาอยู่ที่นครศรีธรรมราชก็ไม่ได้เห็นความพิเศษใดๆนอกจากเป็นวัดเก่าแห่งหนึ่ง มีตลาดตอนบ่ายที่มีของขายเยอะ มีขนมแบบเดิมๆให้เลือกซื้อหา ฉันมาสนใจวัดท้าวโคตรเพราะพ่อบอกว่าสมัยพ่อเด็กๆต้องมาเรียนหนังสือที่นครและได้พักที่วัดท้าวโคตรนี่เอง ความทรงจำของพ่อจึงเป็นภาพของวัดท้าวโคตรเมื่อ 70 ปีก่อน ตอนนั้นพ่อเข้ามาเรียนชั้น ม.1 - ม.3(แบบเก่า) ที่โรงเรียนวัดบูรณและโรงเรียนประจำจังหวัดชาย
พ่อบอกว่าโบสถ์หลังเก่าเป็นโบสถ์ทีพ่อคุ้นเคย ปัจจุบันข้างในมีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ซึ่งเป็นของมีมาแต่เดิม มีตู้เก็บของวางอยู่ทางซ้ายขององค์พระซึ่งพ่อบอกว่าแต่เดิมเป็นตู้หนังสือพระ ตัวโบสถ์ยังเหมือนเดิม แต่หลังคาคงบูรณะใหม่ ของเดิมเป็นหลังคาสีดำๆ ฉันพยายามถามว่าเมื่อก่อนจะเดินขึ้นโบสถ์อย่างไรเพราะจะเห็นว่าโบสถ์ตั้งอยู่บนเนิน พ่อบอกว่าจำไม่ได้ แต่ไม่รู้สึกว่าต้องขึ้นบันไดเหมือนปัจจุบัน อาจจะเป็นเนินลาดขึ้นเฉยๆ ในความทรงจำของพ่อโบสถ์อยู่ไกลจากถนนมาก เทียบกับปัจจุบันที่อยู่ชิดถนน ก็ต้องเดาว่าเดิมถนนมีขนาดเล็ก และตัวถนนอาจจะอยู่ชิดไปอีกด้านหนึ่งไม่ได้ชิดด้านวัดขนาดนี้




ภายในโบสถ์หลังเก่า พระพุทธรูปปูนปั้น หลังชิดขอบผนัง มีค้างคาวมาอยู่บนเพดานเต็มไปหมด
กุฏิหลังที่พ่อเคยอยู่ ตอนนี้เป็นกุฏิเจ้าอาวาสที่ก่อสร้างใหม่แล้ว ของเดิมจะเป็นคล้ายกับกุฏิข้างๆคือเป็นไม้ มีบันไดปูน หลังที่ยังเหลืออยู่สภาพทรุดโทรมมากแล้ว พ่อบอกว่าหอฉันยังอยู่ที่เดิม

กุฏิเจ้าอาวาสปัจจุบัน



กุฏิเดิมที่ยังไม่เปลี่ยนสภาพ แต่ทรุดโทรมมากแล้ว



ต้นมะขามข้างโบสถ์ยังเป็นต้นเก่าแต่เดิม สมัยพ่ออยู่ก็ต้นใหญ่อย่างนี้อยู่แล้ว พ่อยังมีแผลเป็นที่บนคิ้วขวาเป็นรอยที่เคยเล่นโยนขวดแก้วเล็กๆกับเพื่อแล้วหล่นมาโดนคิ้วแตก


โบสถ์หลังใหม่ อยู่ด้านหลังโบสถ์เดิม ต้นมะขามที่คุณพ่อเคยมาเล่นก็ยังอยู่ดี

บริเวณที่ปัจจุบันเป็นโรงเรียนชุบธรรม เดิมเคยมีต้นบุนนาคใหญ่ ตอนนี้ไม่มีร่อยรอย แต่ต้นมะพร้าวแถวนั้นยังเป็นของเดิม พ่อบอกว่าหน้าวัดกับข้างวัดมีต้นมะพร้าวและมีรั้วลวดหนามล้อมอาณาเขตวัด พ่อจำได้ถึงขนาดว่าสมัยก่อนเคยมีคนที่อยู่ข้างวัดที่รุกที่วัดเสียเฉยๆ

ตลาดท้าวโคตรที่คึกคักในปัจจุบัน แต่เดิมก็ไม่มี แถบนี้จะเป็นกุฏิ เป็นฐานพระ ส่วนวัดชายนา แต่เดิมถือเป็นวัดเดียวกันกับวัดท้าวโคตร เหมือนกับเป็นการแยกส่วนวัดที่เป็นที่ทำกิจกรรมกับส่วนที่มีการวิปัสสนา ที่วัดชายนาเดิมเรียกว่า วัดส่วนปัน

เมื่อต้นเดือนมกราคม ฉันพาแม่มาทำสังฆทานที่นี่ เพิ่งเห็นว่าที่วัดมีวัตถุมงคลด้วย ฉลองวัดท้าวโคตร 750 ปี เก่าแก่มากทีเดียว เป็นพระผงอัดเป็นแว่น รูปหลวงพ่อดำซึ่งพ่อบอกว่าเป็นอาจารย์ของพ่อเอง ก็แปลกดีพ่อเคารพอาจารย์แต่ก็ไม่ได้เช่าเหรียญมาบูชา อาจารย์ของพ่อในความทรงจำคงชัดเจนกว่าที่เหรียญจะให้ภาพได้ พี่สาวฉันเพิ่งได้ที่วัดสัปดาห์ก่อน เช่าเหรียญมาแล้วเรียบร้อย เพราะสำหรับเรา นี่เป็นเหรียญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อของเรามากกว่าจะถือความขลังของเหรียญ ( เพิ่ม: ช่วงปลายเดือนเมษายนได้ไปเช่าหลวงพ่อดำมาเพิ่ม ทางวัดบอกว่ากำลังจะจัดทำจตุคามเหมือนกัน เรียกว่าตามกระแสกันทัน)
พ่อเล่าให้ฟังว่ากิจกรรมของเด็กที่มาเรียนหนังสือสมัยก่อนก็ต้องช่วยทำงานในวัดเช่นกัน ในวัดจะมีทั้งเด็กวัดชนิดอยู่วัดจริงๆและเด็กที่อยู่วัดเพื่อมาเรียนหนังสือตามโรงเรียนต่างๆ ตอนเช้าต้องตื่นแต่เช้า เอาชั้นไปวางตามบ้านที่เขาจะทำอาหารไว้ใส่ชั้นตักบาตร ไปวางบ้านละชั้นแล้วตามเก็บจนครบ เอากลับมาที่วัด จัดให้พระ รอกินข้าวแล้วตัวเองก็ไปโรงเรียน สมัยนั้นวัดท้าวโคตรก็ต้องถือว่าไกลโรงเรียนพอควร พ่อมีจักรยานคันหนึ่งไว้ถีบไปโรงเรียน เมืองนครยุคนั้นห่างไกลกันมากกับสมัยนี้
ครั้งล่าสุดที่ขับรถผ่านวัดกับพ่อ พ่อยังชี้ให้ดูบ้าน 2 หลังหน้าวัดที่เคยมาวางชั้นปิ่นโต ยังคงสภาพอยู่เหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนเป็นร้านค้า ถ้าเจ้าของเขาใจเป็นกุศล ตักบาตรทุกวันมาตั้งแต่สมัยโน้น ลูกหลานเขาคงได้ส่วนบุญกันถ้วนหน้า

Monday, February 05, 2007

สำรับความรู้...จัดความรู้มาเป็นสำรับ...ประดับสมอง

ช่วงนี้มีกิจกรรมใหม่ให้ทำคือการเป็นผู้จัดรายการวิทยุของวิทยุชุมชน ตั้งชื่อรายการว่า สำรับความรู้ จริงๆจะให้ชื่อว่า หมรับความรู้ แต่เกรงใจตัวเองว่าจะออกเสียงผิดๆถูกๆ ไม่ชับอย่างของแท้ ก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อ.... :-)

รายการออกอากาศวันแรก วันที่ 14 ธันวาคม 2549 ประเดิมรายการด้วยเนื้อหาเรื่อง "ความรู้และกระบวนการเรียนรู้" จากนั้นก็ออกอากาศเรื่อยมาทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18:00 - 18:30 น.ทาง FM 100.75 MHz . ในฐานะคนจัดรายการใหม่ก็รู้สึกดีที่ได้มีโอกาสทำอะไรใหม่ๆ ได้ความรู้มาก เพราะต้องค้นข้อมูลมากเหลือเกิน ตอนนี้ความรู้อัดแน่นจนตัวจะแตกอยู่แล้ว

จนถึงวันนี้เพิ่งทำรายการได้ 8 ครั้ง มีแขกมาร่วมคุยในรายการหลายคน อาศัย น้องๆใกล้ตัว เล่นง่ายมาก อยู่ๆจะมาจัดรายการก็คงไม่ใช่ จากที่ได้มีส่วนร่วมมา การตั้งวิทยุชุมชนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับชุมชน และจะได้ประโยชน์มากถ้าชุมชนมีส่วนร่วม ของที่นี่ชุมชนรายรอบให้ความร่วมมือดีมาก ทำให้สถานีดำเนินการไปได้ โดยที่ไม่มีรายได้เพราะเราไม่มีการโฆษณา แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย ก็ไม่แน่ใจในการดำเนินการต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ทำอยู่จะรู้สึกดีว่าเป็นการจัดรายการเพื่อคนฟังโดยไม่คิดหาผลประโยชน์ใดๆ ก่อนจะจัดรายการมีการประชุมกันหลายครั้ง ทั้งประชุมกลุ่มย่อยในพื้นที่ซึ่งฉันยังไม่มีส่วนร่วมในขณะนั้น แล้วมีการฝึกอบรมการจัดรายการโดยอาจารย์นิเทศศาสตร์ของเรา น้องเพชร อาจารย์วรรณรัตน์ และได้รับการอบรมด้านการใช้อุปกรณ์จากบริษัทที่เราซื้อเครื่องเขามา มีประชุมจัดทำผังรายการ ประชุมเตรียมการเปิดสถานี ของเราเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 12 ธันวาคม 2549

ฉันแอบดีใจเล็กๆที่ได้เป็นเสียงแรกของการเปิดสถานีเพราะเป็นผู้ดำเนินรายการรายการแรกที่คุยกับคณะทำงานถึงความเป็นมาของสถานี ก่อนจะตัดเข้าสู่รายการถ่ายทอดสดพิธีเปิด มีคนมาร่วมงานกันมากพอควร ของที่ระลึกคือกระเป๋าใส่มือถือชนิดคล้องคอ ผลิตภัณฑ์คีรีวง

วันแรกของการจัดการรายการ ขนาดเป็นคนที่คุ้นกับอุปกรณ์และการพูดก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะพูดออกมาเป็นยังไง เลยต้องใช้วิธีเขียนสคริปต์แบบละเอียด ชนิดมีคำลงท้าย มีคำอุทานใส่ไว้เสร็จสรรพ และก็อ่านเอา แต่ต้องมีฝีมือหรือจริงๆคือฝีปากในการอ่านให้เหมือนพูด เพราะคนที่ฟังเขาบอกว่าเนียนดีมากทั้งๆที่อ่านจากกระดาษตลอดเวลา (โอ้ว... เบื้องหลังการถ่ายทำ) เพลงที่ใช้ก็ต้องเลือกให้เข้ากับเนื้อหาที่นำมาพูด เรื่องนี้ค่อนข้างถนัดและชอบเพราะชอบฟังเพลงอยู่แล้ว การเลือกเพลงให้เข้ากับเรื่องเป็นสิ่งสนุกสนานอย่างหนึ่ง ข้อเสียมีอยู่ที่ว่า รายการนี้เป็นรายการประจำทุกสัปดาห์ จะโดดหรือจะหายไปเฉยๆไม่ได้ เป็นภาระอยู่พอควร ที่แรกคิดว่าจะทำรายการเทป ปัญหาคือไม่สามารถเตรียมเรื่องได้ทันเพื่อมาอัดเทป และถ้าจะอัดเทปซึ่งต้องเป็นช่วงเช้าเท่านั้นเพราะรายการทางสถานีจะเริ่มเวลาเที่ยง เราจะต้องทำการปิดการออกอากาศเพื่อใช้ห้องอัด ฉันเคยไปอัดเทปครั้งหนึ่ง ก็ต้องประกาศกับผู้ฟังว่าทางสถานีจะทำการปรับสัญญาณ นักศึกษาที่คุมเครื่องบอกว่าเราปรับกันบ่อย ปรับทุกทีที่มีการอัดเทป... เท่าที่ทำมาได้อัดเสียงการจัดรายการไว้ทุกครั้ง จะได้เก็บเป็นข้อมูลของตัวเอง มีความสุขไปอีกแบบ จะทำได้ยาวนานแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันไป

Blue Jay สร้างรัง

เปล่า ไม่ได้หมายถึงนก Blue Jay หรอกค่ะ จริงๆแล้วจะบอกว่าฉันกำลังจะสร้างบ้านหลังแรกในชีวิต เพิ่งลงเสาเอกเมื่อเช้านี้เอง รู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ

คนเราจะสร้างบ้านก็ต้องวุ่นวายพอควร ฉันเตรียมจะสร้างบ้านมาตั้งแต่ปี 2548 แต่ก็ไม่สะดวก ต้องรอโน่นรอนี่ จนปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ทั้งๆที่แบบบ้านตัวเองเสร็จแล้วและยื่นเรื่องกับ อบต.แล้ว ก็ยังไม่ได้สร้างเพราะไปเห็นบ้านในโครงการหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งน่าสนใจในแง่ที่มีสาธารณูปโภคครบถ้วน ไม่ต้องมาอยู่โดดเดี่ยว ทีแรกไปดูไว้หมู่บ้านหนึ่ง นัดเขาว่าจะไปเซ็นสัญญาวันที่ 4 มกราคม เพราะคาดว่าปิดปีใหม่แล้วค่อยมาจัดการ ปรากฏว่าวันที่ 3 รู้ข่าวว่ามีอีกโครงการหนึ่งขึ้น ซึ่งบ้านดูดีมีสไตล์กว่า วัสดุดีกว่า(แน่นอนแพงกว่า... แต่ถ้าคิดว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของบ้านอีกโครงการหนึ่ง ที่รู้สึกว่าจะเรื่องมากกว่า ก็คิดว่าคุ้มแล้ว) ก็เลยไปคุยกับน้องอีกคนที่ได้ชื่อว่าเนี๊ยบสุดยอด เขาก็กำลังสนใจโครงการนี้อยู่ แล้วก็ไปคุยกับเจ้าของโครงการ ตกลงว่าเอาโครงการนี้แหละ ไปคุยในรายละเอียดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เช่น เพิ่ม bay windows ห้องรับแขก เพิ่งทางรถเข็นหน้าบ้าน เพิ่มประตูเล็กที่รั้ว และอื่นๆอีกเล็กน้อย

หลังจากนั้นก็รอดูอยู่ให้เขาขึ้นสาธารณูปโภค ปลายเดือนคุยอีกครั้ง ให้บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปให้เขาเตรียมเอกสาร วันที่ 3 ก.พ. โทรไปคุยว่าน่าจะทำสัญญาได้แล้ว เขาก็บอกว่าให้หาฤกษ์ลงเสาเอก ฉันก็ไม่คิดอะไรมาก อาศัยวิชาเก่า นับวันดีเอาเฉยๆ วันที่ 5 ก.พ. เป็นวันจันทร์ 3 ค่ำ ถือว่าเป็นวันดี ก็เลยบอกว่าเอาวันที่ 5 แล้วกัน พี่เขาก็เก่งบอกปุ๊บ เขาก็สามารถเตรียมได้ปั๊บ กำหนดว่าเป็นวันที่ 5 เวลา 11:09 น. ฤกษ์สะดวกดี

วันนี้ตอนเช้าฉันชวนพี่กระต้ายไปช่วยดู ไปเซ็นสัญญาตอน 10 โมง แล้วไปลงเสาเอกตามเวลา เขาเตรียมหลุมและเสาไว้เรียบร้อยแล้ว บนเสามีมะพร้าวน้ำหอม รวงข้าว และน้ำมนต์(ใส่ขวด M 150 มาเลย เท่สุดๆ ) พอได้เวลาเขาก็ส่งปูนให้ฉันเท 3 ถัง เสร็จแล้วโยนเหรียญบาท 9 เหรียญ แลดูเป็นพิธีที่เรียบง่ายดีจัง




ลงเสาเอกเสร็จฉันกับพี่กระต้ายก็ไปกินข้าวที่ร้านหน้าซอย แล้วซื้อ Pizza ไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยลงเสาเอก และถือโอกาสขออุปกรณ์ในพิธีมาเก็บ ต้นมะพร้าว กับข้าว กะว่าจะเอามาปลูก

สรุปว่ารู้สึกดีที่ได้สร้างบ้าน เหมือนนกมีรังจริงๆเลย